Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

'กรวีร์' เผยยังไม่เห็นคำสั่งศาล คืนสิทธิทำทีมให้อีสาน ไม่ฟันธงหวนลีกสูงสุด

Football Sponsored
Football Sponsored

‘กรวีร์’ เผยยังไม่เห็นคำสั่งศาล คืนสิทธิทำทีมให้อีสาน ไม่ฟันธงหวนลีกสูงสุด

จากกรณีที่ ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้คืนสิทธิทำทีมที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง อีสาน ยูไนเต็ด กับศรีสะเกษ เอฟซี โดยศาลตัดสินให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องคืนสิทธิการทำทีมให้กับ อีสาน ยูไนเต็ด ทำให้มีรายงานว่าผู้บริหารของอีสาน ยูไนเต็ด ยืนยันว่าจะทำทีมฟุตบอลต่อไปแน่นอน แต่จะไม่ทันในฤดูกาลนี้ โดยคาดว่าจะเริ่มส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลอาชีพในฤดูกาลหน้า

อย่างไรก็ตาม มีคำถามว่า เมื่อ อีสาน ยูไนเต็ด กลับมาทำทีมฟุตบอล ทาง บริษัท ไทยลีก จำกัด จะให้สิทธิเล่นในระดับดิวิชั่นใด เนื่องจากการตัดสินใจของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยุคเก่าให้สิทธิศรีสะเกษ เอฟซี ในขณะที่ยังเล่นอยู่บนลีกสูงสุด

“บิ๊กแชมป์” นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธานเจ้าบ้านที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด เปิดเผยว่า ตอนนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ทางไทยลีก และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยังไม่เห็นหนังสือคำสั่งศาลอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่รู้รายละเอียดว่าคำสั่งศาลนั้นมีอะไรบ้างที่ต้องคืนให้กับอีสาน ยูไนเต็ด

นายกรวีร์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เราได้ให้ฝ่ายกฎหมายพยายามคัดลอก และตีความคำสั่งศาลว่า มีรายละเอียดอะไรบ้าง แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นคำสั่งศาล เรารับรู้เรื่องการคืนสิทธิให้กับอีสานผ่านทางสื่อมวลชนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นเราต้องศึกษาอย่างละเอียดก่อนจะตัดสินใจอะไรลง แน่นอนในเมื่อเป็นคำสั่งศาล ทางไทยลีก และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พร้อมน้อมรับปฏิบัติตาม รวมถึงให้ความเป็นธรรมกับทุกทีมอยู่แล้ว

“ส่วนกรณีที่อีสาน จะได้สิทธิเล่นไทยลีกเลยหรือไม่ เนื่องจากคำตัดสินของสมาคมฟุตบอลชุดก่อนนั้นเกิดขึ้นในขณะที่อีสาน เล่นบนลีกสูงสุด หรือจะต้องเริ่มใหม่ในลีกล่าง หรือกึ่งอาชีพเหมือนกับทีมอื่น เรื่องนี้ผมต้องเรียนตามตรงว่าเรา ตอบไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทางไทยลีก และสมาคม เตรียมแผนสำหรับทุกกรณีเอาไว้แล้ว เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ผมต้องย้ำอีกครั้งว่าการคืนสิทธิ์ทำทีม กับการให้สิทธิเล่นลีกไหนของอีสาน ยูไนเต็ด นั้นเป็นคนละกรณีกัน ดังนั้นการจะได้เล่นในลีกไหน จึงต้องรอการศึกษาคำสั่งศาลอย่างละเอียดรอบคอบ”

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.