Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

บ้านสวนสุดว้าว “อั้ม” อรรถพงษ์ อดีตแข้งกรุงไทย

Football Sponsored
Football Sponsored

บ้านเป็นสิ่งที่มนุษย์แทบทุกคนปรารถนาที่จะได้ครอบครองเป็นเจ้าของ เพราะเป็น 1 ในปัจจัย 4

    บางคนทั้งชีวิตจะมีบ้านของตัวเองสักหลังยังเป็นเรื่องไกลเกินฝัน  

    แต่กับหลายๆคนก็สุขสมหวังแม้ต้องสู้แบบปากกัดตีนถีบ ผ่อนระยะยาวก็ตามที 

    หลายคนมีต้นทุนสูงบ้านมีฐานะก็ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วแต่โชควาสนา ความบากบั่นแต่ละคน  

    ยามเด็กเราเกิดมาก็มีบ้านที่เป็นของวงศ์ตระกูล ที่เป็นของปู่ย่า ตายาย ตกทอดมาสู่คุณพ่อคุณแม่ ก่อนจะมาก่อร่างสร้างตัว ทำฝันให้เป็นจริงซื้อบ้านได้สำเร็จ อันนี้เป็นสิ่งที่เราเห็นกันคุ้นเคย  

    บ้านสวนน่าอยู่ที่ ทีมงานฟุตบอลสยาม จะพาไปเยี่ยมชม ครั้งนี้เป็นของอดีตนักเตะสโมสร ธ.กรุงไทย อย่าง “เจ้าอั้ม”  อรรถพงษ์ สุริยะจันทร์ 

    ปัจจุบัน เจ้าของ อะคาเดมี่ลูกหนังดังเมืองแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา อย่าง “นายพล อะคาเดมี่” ตั้งอยู่ที่ ต.บางพระ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ทำงาน ตำแหน่ง ผู้ช่วยนักจัดการงานทั่วไป กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา 

    นอกจากนี้ยังสอนฟุตบอลให้กับ ทีมโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดฉะเชิงเทราอีกด้วย  

    “เจ้าอั้ม” เป็นบุตร คนที่ 2 จากพี่น้อง ท้องเดียวกัน 3 คนของคุณพ่อ มณฑล สุริยะจันทร์ ข้าราชการบำนาญ ครู ที่แวดวงกีฬาหมัดมวย คุ้นชื่อดี ในฐานะ อดีตผู้ตัดสินมวยไทย ช่อง 7 สี กับคุณแม่ อัศนีย์ สุริยะจันทร์ ข้าราชการบำนาญ (ครู )

    “เจ้าอั้ม” สมรสกับนางลัดลา ถาวรเจริญ นักวิชาการบัญชี สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้านการศึกษา “อั้ม” จบ ม.ต้น ม.ปลาย โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎ์ ระดับปริญญาตรีที่สถาบันราชภัฎจันทรเกษม สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

    นอกจากเล่นให้กับทีม ธ.กรุงไทย 3 ปี ระหว่าง ปี พ.ศ. 2542-2544 แล้ว ยังเคยรับใช้สโมสร ตำรวจ ในระดับเยาวชน เล่นรายการ เยาวชนปูนซีเมนต์เอเชียคัพ เมื่อปี พ.ศ. 2540 และ เล่น เยาวชนควีนสคัพ พานาโซนิค อีกด้วย

    สำหรับบ้านสวนหลังงามบนพื้นที่โดยรวมราว 20 ไร่ ที่ประกอบด้วย ตัวบ้าน เรือนรับรอง ที่เคยใช้เป็นที่เก็บตัวของนักเตะ ,สนามฟุตบอล แล้ว ยังถูกจัดสรรเป็นสวนผักสวนครัว และเต็มไปด้วยไม้ผลนานาพรรณ ไม่รวมถึงการ เลี้ยงไก่ชน ที่คุณพ่อของ”เจ้าอั้ม” ชื่นชอบ นี้ มีชื่อ ว่า บ้านสวนชัยยะพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ เลขที่  52/4 ม.3 ต.ดอนทราย อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา 

    บ้านนี้เป็นของคุณพ่อ คุณแม่ ของ “เจ้าอั้ม” ที่ปัจจุบัน ตัว “เจ้าอั้ม” ที่มีบ้านของตัวเองอยู่ในตัวเมืองแปดริ้ว แถวขนส่งฉะเชิงเทรา มักจะไปๆมาๆ เพื่อมาคอยดูแลคุณแม่คุณแม่ และเป็นบ้านสวนที่เขาคุ้นเคยที่ผูกพันเพราะเกิดและเติบโต ที่นี่ ซึ่งเขาบอกว่าไม่ชอบใช้ชีวิตที่วุ่นวายในเมือง ถึงขอคุณพ่อ นำที่ดินบางส่วนทำสนามฟุตบอลตามฝันของตัวเอง 

    อนาคตอีกไม่นาน “เจ้าอั้ม” บอกว่า จะมาสร้างบ้านหลังเล็กๆสักหลังอยู่แบบพอเพียง บริเวณพื้นที่ดินของคุณพ่อคุณแม่ เพื่อจะได้อยู่คอยดูแลบุพการีทั้ง 2ท่านที่อยู่ในวัยชราแล้ว 

    ใครแวะไปเมืองแปดริ้ว สักการะหลวงพ่อโสธรแล้วอยากไปเยี่ยมชม บ้านของ “เจ้าอั้ม” เจ้าตัวยินดีต้อนรับคนวงการลูกหนังไทยทุกท่านแน่นอน 

    บ้านทั่วไปใครก็มีได้โดยเฉพาะบ้านจัดสรร แต่กับบ้านสวนที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ของ “เจ้าอั้ม” หลังนี้ ใครเห็นก็ต้องร้องว้าวแน่นอน

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.