Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

มีทั้งร้ายและดี! สถิติน่าสนของ แมนยู หลังเจ๊าจืด พาเลซ

Football Sponsored
Football Sponsored

นับเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริง หลังจากที่พวกเขาทำได้เพียงออกไปเสมอกับ คริสตัล พาเลซ 0-0 ที่สนาม เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมันทำให้ตอนนี้ “ปีศาจแดง” ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากถึง 14 คะแนนเข้าไปแล้วด้วย

    การเจ๊าจืดกับ พาเลซ ทำให้ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยไปแล้วว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เสมอด้วยสกอร์ 0-0 มากที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ประจำซีซั่น 2020-2021 ด้วยจำนวนถึง 6 นัด โดย 5 เกมก่อนหน้านี้แบ่งเป็น 2 หนกับ เชลซี, 1 นัดกับ อาร์เซน่อล, 1 รอบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ 1 เกมกับ ลิเวอร์พูล

    อย่างไรก็ตาม ผลการแข่งขันจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ทำให้เกิดสถิติแบบอื่นๆ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกัน ลองไปดูกันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง

    – ทาบสถิติเลวร้ายของตัวเอง
    นอกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นทีมที่เสมอ 0-0 มากที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้แล้วนั้น ตอนนี้ทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ยังทาบสถิติของสโมสรในด้านการเสมอแบบไร้สกอร์ในเกมลีกต่อ 1 ฤดูกาลมากที่สุดนับตั้งแต่ที่ลีกสูงสุดเปลี่ยนมาใช้ชื่อ พรีเมียร์ลีก ด้วย โดย 2 ซีซั่นก่อนหน้านี้ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอแบบ 0-0 มากถึง 6 หนได้แก่ซีซั่น 2004-05 กับ 2016-17

    ทั้งนี้ ในฤดูกาล 2004-05 แมนฯ ยูไนเต็ด จบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับ 3 โดยสุดท้ายแล้วซีซั่นนั่นพวกเขาเสมอรวมกันถึง 11 หน ขณะที่ซีซั่น 2016-17 แมนฯ ยูไนเต็ด กระเด็นไปอยู่ถึงอันดับ 6 ของตารางคะแนน เลยทีเดียว โดยพวกเขาเสมอในลีกรวมกันมากถึง 15 ครั้ง

    – จืดหนักหนแรกในรอบมากกว่า 5 ปี
    แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนอาจจะยังรู้สึกเกลียด หลุยส์ ฟาน กัล อยู่ จากการที่อดีตกุนซือชาวดัตช์ทำทีมแบบเน้นปรัชญาเป็นหลักจนทำให้รูปเกมของทีมรักค่อนข้างไม่ไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น โดยที่ ฟาน กัล เคยพาทีมเสมอ 0-0 มากถึง 3 นัดติดต่อกันในทุกรายการเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 ด้วย

    หลังจากนั้นเป็นเวลาหลายปี แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่เคยเจ๊าจืดจากการลงเล่นในทุกรายการอย่างน้อย 3 เกมรวดอีกเลย ใช่ ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นอีกครั้งหลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา

    – เกมเยือนแจ่มรายที่ 5 ในประวัติศาสตร์
    ไม่ใช่ว่าจะมีแต่สถิติที่น่าผิดหวัง อย่างน้อยการเสมอกับ พาเลซ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่แพ้เกมเยือนกับการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ประจำซีซั่นนี้เลย หลังจากลงเล่นในฐานะอาคันตุกะมาแล้ว 14 หน แบ่งเป็นชนะ 8 เกมกับเสมอ 6 นัด และพวกเขาก็เป็นทีมเดียวใน พรีเมียร์ลีก ประจำซีซั่นนี้ที่ยังไม่แพ้ในเกมเยือนเลย

    ที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดฤดูกาล 2020-21 ถือเป็นทีมที่ 5 ในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษเท่านั้นที่ไม่แพ้ใครเลยกับการเล่นเกมลีกสูงสุดในฐานะทีมเยือนในช่วง 14 เกมแรกของซีซั่น โดย 4 ทีมก่อนหน้านี้คือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ชุดซีซั่น 1973-74, ลิเวอร์พูล ชุดซีซั่น 1987-88, อาร์เซน่อล ชุดฤดูกาล 2001-02 และ “ไอ้ปืนใหญ่” ชุดซีซั่น 2003-04

    – บรูโน่ ผู้เป็นอันดับ 3
    นับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลก่อน บรูโน่ แฟร์นันด์ส ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ในฐานะอาคันตุกะไปแล้ว 21 นัด และเขาก็ยังไม่พบกับความปราชัยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งตอนนี้มันมีเพียง 2 คนที่ไม่แพ้ใครในเกมเยือนของศึก พรีเมียร์ลีก แบบติดต่อกันมากกว่าเขาหากนับตั้งแต่วันที่ลงเล่นเกมเยือนใน พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรก

    สำหรับอันดับ 2 นั้น ได้แก่ เยนส์ เลห์มันน์ อดีตนายทวาร อาร์เซน่อล ที่เคยไม่แพ้ใครกับการออกไปเล่นในฐานะทีมเยือนถึง 23 เกมติดต่อกันในช่วงที่ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาอยู่กับ อาร์เซน่อล ส่วนที่ 1 ได้แก่ กาเบรียล เชซุส ดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยไร้พ่ายในตอนลงเล่นเกมเยือน 26 นัดรวด

  
    – เด็กเกร็ดบอล –

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.