ใกล้เสร็จ!ทีมลีกอินโดฯสร้างสนามระดับโลกใหญ่กว่าเสนายัน – สยามกีฬา
สโมสรฟุตบอล เปอร์ซิจา จาการ์ตา ยอดทีมในลีกฟุตบอลอินโดนีเซีย ออกมาเผยโฉมรังเหย้าใหม่ของสโมสรที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2019 โดยมีความจุถึง 82,000 ที่นั่ง พร้อมมีฟังก์ชันหลังคาปิด-เปิดได้ อีกทั้งยังมีเครื่องมือสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยมากมายที่ถูกเนรมิตขึ้นมา สำหรับการใช้งาน โดยสนามแห่งนี้จะแล้วเสร็จในช่วงปีหน้า ซึ่งเดินหน้ากระบวนการถึงขั้นตอนการติดตั้งหลังคาแบบปิด-เปิด และเก็บรายละเอียดอื่นๆ
โมฮัมมาด ปราปานซา ประธานสโมสรเปอร์ซิจา จากาตาร์ ออกมาเผยว่า สนามแห่งนี้มีคุณภาพเทียบเท่าสนามกีฬาระดับโลก ความจุจำนวน 82,000 ที่นั่ง มีหลังคาปิด-เปิด ไม่ต่างจากซานติอาโก เบอร์นาบิว ที่นี่จะเป็นแลนมาร์คสำคัญของกรุงจากาตาร์ ที่นี่จะกลายเป็นสนามกีฬาระดับโลกในประเทศอินโดนีเซีย และกรุงจากาตาร์ ซึ่งจริงๆเราแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะให้สาวกของทีมเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสโมสร
สำหรับสนามแห่งใหม่ของ สโมสรฟุตบอล เปอร์ซิจา จาการ์ตา มีชื่อว่า จากาตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม เริ่มทำการก่อสร้างตั้งแต่เดือน ก.ย.2019 จะแล้วเสร็จในเดือน ต.ค.2021 สนามแห่งนี้มีความจุ 82,000 ที่นั่ง มีมูลค่า 227 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นไทยประมาณ 9,100 ล้านบาท ซึ่งจะกลายเป็นสนามที่มีความจุมากสุดในประเทศมากกว่าสนามเสนายัน หรือ จีโลรา บุงกาโน่ ที่มีความจุ 77,193 ที่นั่ง
อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.