Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

การผจญภัยต่างแดนหนแรกของ”ฮวาง โด ยอน”แข้งป้ายแดงสุโขทัย – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

“ค้างคาวไฟ ” สุโขทัย เอฟซี 2 ระดมเฟ้นหานักเตะ ใกล้ครบ จบกระบวนความแล้ว โดยมีนักเตะใหม่ ที่รับเข้าสังกัดทั้งสิ้น 14 คน บวกกับนักเตะก้นหม้อ อีก 10 คน

    โดย 2 รายล่าสุดที่ “เดนนิส อมาโต้” เฮดโค้ชต่างชาติคนที่สองของ ทีม พร้อมผู้บริหาร เฟ้นเสริมทัพคือ ในตำแหน่งเซ็นต์เตอร์แบ็ค  คือ  แม็ก –  “แม็กซิมิเลียน ชไตน์เบาเออร์” นักเตะดาวรุ่งลูกครึ่ง ไทย-เยอรมัน วัย 20 ปี   และ  ฮวาง โด ยอน นักเตะสัญชาติเกาหลี วัย 30 ปี

    ความน่าสนใจ อยู่ที่ “ฮวาง โด ยอน” หรือ โด ยอน ที่มีดีกรี เป็นนักเตะดาวรุ่งของทีมชาติเกาหลีใต้ ชุด ลุยศึกฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน20ปีที่ประเทศโคลอมเบียและทีมชาติเกาหลีใต้รุ่นอายุไม่เกิน22ปี รายการเอเอฟซี เอเชียนคัพ 2013

    และเคย ค้าแข้งให้กับทีม เค-ลีก  “ซูวอน เอฟซี” ในปี 2018 ปีเดียวกับ “กาก้า”  วู กึน ยอง กองหน้าวัย 30ปี ที่ค้าแข้งในไทย และเป็นต่างชาติที่ยิงประตูให้ลีกไทย เกือบครบ 100 ลูก ซึ่งขาดเพียงอีก 4 ประตูเท่านั้น

    ดังนั้น เมื่อแข้งโสม ทั้ง 2 คน ผนึกกำลัง ให้กับ “ค้างคาวไฟ” เชื่อว่าจะ สร้างความน่าตื่นเต้น และการสร้างสรรค์เกม ทั้ง บู๊ และบุ๋น สไตล์ โค้ชเดนนิส ให้กับแฟนบอลได้แน่นอน

    และวันนี้ “โด ยอน” เปิดใจครั้งแรก ต่อการตัดสินใจ ย้ายทีม ครั้งนี้ ซึ่งตลอดการค้าแข้งของ “โด ยอน”  11 ปี ไม่เคยออกนอกถิ่น ประเทศเกาหลีใต้เลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ สิ่งที่เขาตัดสินใจ คือ การหาความท้าทายใหม่

    “ผมตอบรับเข้าร่วมทีมสุโขทัย เอฟซี เป็นครั้งแรกที่ย้ายมาเล่นในประเทศที่ต่างออกไป ก่อนหน้านั้นผมเล่นฟุตบอลที่ประเทศเกาหลีมาตลอด แต่ผมเคยมีโอกาสมาสัมผัสฟุตบอลของประเทศไทยบ้าง เมื่อตอนที่ร่วมแข่งขันรายการคิงส์ คัพ เมื่อหลายปีก่อน และทีมมารวมตัวฝึกซ้อม นอกจากนั้นแล้วผมได้มาฮันนีมูนกับภรรยาของผม เมื่อ 4 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งผมมีความทรงจำที่ดีมากๆ กับประเทศไทย” 

    เมื่อถามถึงมุมมองฟุตบอลของประเทศไทย ฐานะ “นักเตะเคลีก” ฮวาง โด ยอน บอกว่า เป็นความน่าสนใจและท้าทายอย่างมาก หลังจากที่เซ็นสัญญาเข้าทีม ได้ลงฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม ทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ มีศักยภาพที่สามารถพิชิตเป้าหมายได้ อีกทั้ง สุโขทัย เอฟซี คือ ทีมที่แข็งแกร่งมากๆ ทีมหนึ่ง

    สำหรับเส้นทางฟุตบอลของ โด ยอน เขาเริ่มเข้าวงการตั้งแต่อายุ 12 ปี  และมีโค้ชคนแรก ชื่อ “ปาร์ค ฮัง ซอ” เฮดโค้ช ที่ปลุกปั้นนักรบดาวทอง- ทีมชาติเวียดนาม ให้เป็นทีมที่แข็งแกร่ง เป็นผู้ปลุกปั้น

    “ผมเริ่มต้นเล่นฟุตบอล กับสโมสรชุนนัม ดราก้อนส์ทีมในลีกสูงสุด ต่อมาฤดูกาล 2013 ย้ายไปเล่นกับสโมสรเจจู ยูไนเต็ดก่อนถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นกับสโมสรโซลอีแลนด์ เอฟซี,อันซาน มูกุงฮวา  และในฤดูกาล 2018 ย้ายไปเล่นกับสโมสรซูวอน เอฟซี และเล่นกับสโมสรแทจอน ซิติเซน” 

    การแข่งขันในเค-ลีก ใครๆ  รู้ว่าต้อง ทุ่มสุดตัว ส่วน “โด ยอน” เอง เขายอมรับว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ ต้องใช้ความพยายามสูงมาก บวกกับความโชคดี อีกทั้งถือคติที่ว่า “ต้องพยายามให้ดีที่สุด และต้องพยายามไปจนกว่าจะถอดรองเท้าฟุตบอลออก” ทำให้เขามีผลลัพท์ของความทุ่มเทที่ยอดเยี่ยม

    เมื่อถามโลกฟุตบอลในวัยเด็ก “เซ็นเตอร์แบ็ค พ่อลูกอ่อน” บอกว่า ต่างจากตอนนี้มาก  เพราะตอนนั้นเล่นเพื่อความสนุก แต่ต้องนี้ ฟุตบอล คือความรับผิดชอบ 

    “ผมได้แรงบันดาลใจที่จะเป็นนักกีฬาอาชีพ นักกีฬาทีมชาติ เมื่อครั้งที่นั่งดูเกมแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพร่วมกับ ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นผมอยากเป็นกองหน้ามากๆ และมี โค้ชฮวาง ซุน-ฮง เป็นต้นแบบ แต่ตำแหน่งของผมตอนนี้ คือ แนวรับครับ ตอนนี้ผมขอเป็นกองหลังที่แข็งแกร่งมากกว่า”

    “โด ยอน” ฝากถึงแฟนคลับชาวไทย และ แฟนฟุตบอลสุโขทัย เอฟซี ด้วยว่า “ผมและเพื่อนร่วมทีม พร้อมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อสุโขทัย เอฟซี และแฟนบอล ขอแฟนบอลสนับสนุน เพราะกำลังใจจากแฟนบอล คือ เป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากๆ”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.