Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

บีจีปทุมลั่นจัดชุดใหญ่ซดสุโขทัย หวังปิดจ็อบคว้าแชมป์เพื่อแฟนบอล

Football Sponsored
Football Sponsored

ภายหลังจากที่พลพรรค “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด บุกไปสอนบอล สมุทรปราการ ซิตี้ ถึงถิ่นด้วยสกอร์ 6-0 ในศึกไทยลีก 2020-21 นัดที่ 23 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ.64 ที่ผ่านมา ทำให้พวกเขามีเพิ่มเป็น 63 แต้ม ทิ้งห่างอันดับ 2 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และอันดับ 3 การท่าเรือ เอฟซี ถึง 19 แต้มแล้ว

    ล่าสุด “โค้ชบอย” ศุภชัย คมศิลป์ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนของทัพ “เดอะ แรบบิท” ได้ออกมาเปิดเผยหลังจบเกมนี้ผ่านผู้สื่อข่าวว่า “ก่อนอื่นต้องเริ่มจากการที่เราได้ตัวผู้เล่นตัวหลักกลับมาด้วย เพราะว่าทั้งดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต เองก็กลับมามีชื่อเป็นตัวสำรอง และก็มีวิคเตอร์ คาร์โดโซ่ ที่เข้ามาเป็นชุดตัวจริง ทำให้สภาพทีมโดยรวมมันสมบูรณ์มากขึ้น”

    “ประกอบกับเรามีการเปลี่ยนแท็กติกนิดหน่อยตอนต้นเกม พอในระหว่างเกมเราก็คิดว่าลองกลับไปเล่นแท็กติกเดิม ซึ่งนักฟุตบอลเองก็ตอบโจทย์ได้ดี และเราก็มาได้ลูกแรกด้วย เหมือนเป็นการปลดล็อคไปในตัวด้วย ครึ่งหลังคิดว่าเป็นเกมที่เปิดมากกว่าทำให้สกอร์เหมือนกับไหลไปด้วย”

    “ต้องชื่นชมทางทีมเจ้าบ้านเองที่มีการเล่นบอลบิ้วอัพที่สวยงาม ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่าเขามีการต่อบอลจากข้างหลังที่ดี ก็พยายามกำชับน้องๆ และพยายามใส่ความดุดันเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลัง ทุกคนก็ทำได้ดี ก็ยินดีกับสกอร์ที่ได้เยอะเกินคาด และก็คลีนชีตด้วย”

    ผู้สื่อข่าวถามว่าเกมหน้าเป็นเกมสำคัญ หากได้ 3 แต้มจะคว้าแชมป์ทันที ตรงนี้ทางทีมงานได้ตั้งเป้าอะไรไว้บ้าง “ในวันจันทร์เราจะพัก 1 วันเพื่อให้นักเตะได้พักชาร์จแบตเต็มที่ และวันพฤหัสบดีน่าจะเป็นชุดที่ดีที่สุดลงสนามแน่นอน และเป็นเกมในบ้านด้วย หวังว่าผลการแข่งขันนัดนั้นจะทำให้แฟนๆทุกคนมีรอยยิ้ม ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็หวังจะปิดจ็อบในเกมนั้นเลย” “โค้ชบอย” กล่าวปิดท้าย

    ทั้งนี้หากบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะนัดต่อไปได้ในเกมที่เปิดบ้านพบกับ สุโขทัย เอฟซี วันพฤหัสบดีที่ 4 มี.ค.64 ที่สนามลีโอ สเตเดี้ยม เวลา 19.00 น. จะทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ไทยลีกครั้งแรกเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรที่รอคอยถึง 12 ปีไปครอบครองทันทีโดยไม่ต้องสนใจทีมที่ตามหลังมา เพราะแต้มจะขาดลอยไปโดยปริยาย

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.