Football Sponsored
Categories: ฟุตบอล

ชีวิตลิขิตเองของ นเรศ สุขงาม วันนี้ยังต้องสู้เพื่อลูกเมีย – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

เอ่ยชื่ออดีตนักเตะอย่าง นเรศ สุขงาม ขึ้นมาแฟนบอลเป็นต้องร้องอ๋อ โดยเฉพาะแฟนรุ่นเก่าสักหน่อย เพราะวันนี้ เขาผู้นี้ที่เคยเปลี่ยนชื่อมา 2 ครั้ง ทั้ง นเรศ เป็น ณัฐพงษ์ และ สรศักดิ์ ก่อนจะกลับไปใช้ชื่อเดิม นเรศ ในขณะนี้

    นเรศ ถือเป็น นักเตะระดับพรสวรรค์ของวงการฟุตบอลไทยอีกคน ที่พีคสุดขีดเมื่อประมาณเกือบ 20 ปี ที่แล้ว ยอดแข้งจากจ.พิจิตรลงรับใช้ ร.ร.อสช.ศรีราชา จนโด่งดังกลายเป็นหนึ่งในขุนพลสโมสรใหญ่การท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมกับโอกาสติดทีมชาติไทยในหลายชุด ทั้ง ฟุตบอลสนามใหญ่,ฟุตบอลชายหาด และ ฟุตซอล 

    นเรศ สุขงาม เล่นให้กับการท่าเรือฯ จนได้รับการบรรจุงานเพื่อเป็นการตอบแทนที่ลงรับใช้ต้นสังกัดอย่างยาวนาน เกือบ 10 ปี ท้ายที่สุดแล้วแว๊บ!ของการตัดสินใจ ก็มาเยือน เมื่อเจ้าตัวผ่านการทดสอบฝีเท้ากับ “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรฯ ในยุคของ “โค้ชแต๊ก”อรรถพล ปุษบาคม จึงตัดสินใจยุติบทบาทการเป็นแข้งของสิงห์ท่าเรือพร้อมลาออกจากงานที่มั่นคงไปเล่นให้กับสังกัดใหม่ และ อยู่สังกัดใหม่เพียงปีเดียวก็โยกไปค้าแข้งในระดับวิชั่น 1 ของลีกอินโดนีเซีย กับสโมสร เปอร์ซิบาย่า ในเกาะสุราบาย่า รับเงินเดือน 6 หมื่นบาท พร้อมโบนัสอีกนัดละ 2 หมื่น  

    @ หนุ่มเมืองชาละวัน 

    นเรศ สุขงาม เกิดเมื่อ 6 ก.พ. 2519 เป็นบุตรของคุณพ่อ คำปั่น สุขงาม และคุณแม่ จำปา ตาตุ่น เป็นคน ต.วังหว้า อ. ตะหานหิน จ.พิจิตร สมรสแล้วกับ นาง ณัฎฐาพร ชัยมงคล มีบุตร 2 คน คือ ด.ช. ธนัญชัย สุขงาม กับ ด.ช.ครองลาภ สุขงาม 

    @ ศิษย์เก่า อสช.ศรีราชา 

    วัยเด็ก นเรศ เรียนที่บ้านเกิด ร.ร.วังหว้า และ ร.ร.เทศบาลตะพานหินวิทยาคาร 1 จากนั้น ด้วยความสามารถด้านลูกหนัง ทำให้ได้มาเรียนที่ ร.ร. อสช.ศรีราชา จนจบ ม.ปลาย ที่นี่ โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันอย่าง ครองพล ดาวเรือง , จตุพงษ์ ทองสุข , สุริยันต์ แจ่มแจ้ง ,สมพร อิงกระโทก ,บัณฑิต จูมผา , ตาล นครดี ได้แชมป์มากมายในระดับขาสั้นกับทีมที่เคยได้รับการยกย่องให้เป็น เบอร์ 1 ของวงการฟุตบอลนักเรียนเมืองไทยในอดีต

    @ แข้งจอมพเนจร 

    นเรศ สุขงาม เคยใส่ยูนิฟอร์ม เป็นพ่อค้าแข้ง มาทั้ง กับการท่าเรือฯ , บีอีซีเทโรฯ 2 ทีมนี้เจ้าตัวเคยได้รองแชมป์ไทยลีกกับทีมด้วย นอกจากนี้ยังเคยเล่นกับ ธ.กรุงเทพ , การบินไทย , ตำรวจ , ราชวิถี , เชียงราย ยูไนเต็ด , เชียงใหม่ เอฟซี , แพร่ ยูไนเต็ด ,ศรีราชา เอฟซี , ลำพูน วอริเออร์  และทีมสุดท้ายที่เล่นก็คือ แหลมฉบัง ซิตี้

    @ ดีกรีอดีตทีมชาติหลากหลาย 

    กับคำว่าทีมชาติไทยนั้น นเรศ สุขงาม เคยเล่นตั้งแต่เยาวชน โดยเริ่มจาก โค้ก คัพ เอเชีย ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ,ติดทีมนร.ไทย ไปลุยศึกนร.เอเซีย ที่ ศรีลังกา ได้แชมป์ ,ที่อินโดฯ ได้อันดับ 4 ,เคยได้แชมป์คิงส์คัพ

    @ โต๊ะเล็กแชมป์อาเซี่ยน,ขุนพลชายหาดชิงแชมป์โลก

    นอกจากฟุตบอลที่ฝีเท้าจัดอยู่ระดับไม่ธรรมดา นเรศ สุขงาม ยังมีความสามารถ ด้านฟุตซอล เคยได้แชมป์อาเซี่ยน ที่ มาเลเซีย  , อันดับ 4 ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย ที่ อิหร่าน , และยังเคยไปชิงแชมป์โลก ฟุตบอลชายหาด ที่ บราซิล มาแล้วอีกด้วย โดยได้อันดับ 4 กลับมา  

    @ ดีกรีโค้ช ซีไลน์เซนส์

    นอกจากเรื่องเล่นฟุตบอลจะเก่งแล้ว นเรศ ยัง มีประกาศนียบัตร โค้ช ระดับ ซีไลน์เซนส์ ของ เอเอฟซี อีกด้วย เคยเป็นโค้ชให้กับทีม สโมสรฟุตบอล สมุทรปราการ และ ผช.โค้ช ลำปางฯ อีกด้วย

    @ ชีวิตต้องสู้ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว  

    วันนี้ในวัย 45 นั้น นเรศ สุขงาม ที่ปัจจุบัน ไปปักหลักที่ จ.เชียงใหม่ นั้น  ทำ ขนมขายกับภรรยา เป็นขนมหวาน อย่าง บราวนี่ คุกกี้ , เค้กกล้วยหอม ,รับส่งน้ำส้ม จาก “เสี่ยโด้” และยังสอนฟุตบอลอยู่ที่ ร.ร.ดงป่าหวาย โดยมีท่าน ผอ. สรร ที่ทำเอ็มโอยู กับ ร.ร.เทพศิรินทร์ 

     โดยมีบ้างที่เล่นฟุตบอลอาวุโส กับ ทีมเพื่อนกวาง ของคุณศราวุธ โสภณ

    ถือเป็นนักเตะสู้ชีวิตอีกราย ที่ไม่ได้สุขสบายเหมือนนักเตะบางคน แต่ก็อย่างว่า ชีวิตใครชีวิต แล้วแต่โชคชะตา ฟ้าลิขิต กับ การกระทำที่ผ่านมา ที่เป็นบทเรียนของชีวิต แต่เหนืออื่นใด นเรศ สุขงาม ไม่ย่อท้อต้องสู้เพื่อชีวิตและครอบครัว โดยเฉพาะลูก 2 คนให้ถึงที่สุดแน่นอน 

    เรื่องโดย “สิงห์นก Hk vp 9”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.