Football Sponsored

ดีแล้วที่ต่างจากยุคผม!คาร์ร่ารับได้ลิเวอร์พูลไม่ช็อปเพิ่มช่วงหน้าหนาว

Football Sponsored
Football Sponsored

เจมี่ คาร์ราเกอร์ ระบุ ส่วนตัวแล้วรับได้ที่ ลิเวอร์พูล ไม่ได้ช็อปเพิ่มในช่วงก่อนปิดตลาดหน้าหนาว โดยมองว่าถือเป็นเรื่องดีที่ “หงส์แดง” ไม่ได้ซื้อด้วยความตื่นตระหนก พร้อมเชื่อว่า ลิเวอร์พูล จะจัดหนักในช่วงซัมเมอร์แน่นอน

เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตยอดกองหลังของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่าส่วนตัวแล้วตนยอมรับได้ที่ “หงส์แดง” ไม่ทำการเสริมทัพเพิ่มในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดช่วงหน้าหนาว โดยบอกว่ามันเป็นเรื่องดีที่ ลิเวอร์พูล ไม่ช็อปด้วยความตื่นตระหนกเหมือนในยุคตน

ในตลาดช่วงเดือนมกราคมนี้ ลิเวอร์พูล สร้างความฮือฮาด้วยการเอา โคดี้ กัคโป มาเสริมแกร่ง แต่หลายคนมองว่าซีซั่นนี้พวกเขามีปัญหาอย่างมากในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งสุดท้ายแล้วทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่ได้ใครในตำแหน่งนั้นมาร่วมทีมเลย

คาร์ราเกอร์ กล่าวว่า “ในแง่ของการเสริมทัพน่ะผมพอเข้าใจความหงุดหงิดของแฟนบอล ลิเวอร์พูล ได้เป็นอย่างดีเมื่อพวกเขาต้องมาเห็นทีมอื่นๆ ใช้เงินกันอย่างสบายใจเฉิบ มันให้อารมณ์เหมือนกับว่า -พวกเขายอมแพ้กับการล่าพื้นที่ท็อปโฟร์แล้วเพราะพวกเขาไม่เอาใครเข้ามาเลย-“

“แต่สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นกับสโมสรของผมก็คือการที่พวกเขาจะมีสภาพเหมือนกับสมัยที่ผมยังเป็นนักเตะ ตอนนั้นน่ะเราทำเรื่องต่างๆ กันแบบขาดระเบียบแบบแผนนิดๆ แต่ ลิเวอร์พูล ในช่วง 4 หรือ 5 ปีหลังสุดกลายมาเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับหลายสโมรสทั่วทวีปยุโรปที่อยากทำตามพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาไม่ทำก็คือการซื้อด้วยความตื่นตระหนก”

“ถ้าเกิด ลิเวอร์พูล ไม่ได้นักเตะเข้ามาร่วมทัพในตลาดรอบนี้เลยแล้วล่ะก็ มันก็เป็นเพราะพวกเขาไม่มีเงิน หรือไม่ก็เป็นเพราะมันไม่มีนักเตะตามแบบที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการ ซึ่ง 2 ประเด็นนี้น่ะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะ ผมเชื่อว่า ลิเวอร์พูล จะทำการเสริมทัพครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์นี้้แน่ๆ จริงอยู่ว่าแฟนๆ หลายคนอยากให้พวกเขาช็อปครั้งใหญ่ในช่วงเดือนมกราคมด้วย แต่ผมไม่อยากให้ ลิเวอร์พูล กลับไปมีสภาพเหมือนสมัยที่ผมยังเล่นให้ทีมอยู่ นั่นคือการซื้อแบบตื่นตระหนกแล้วค่อยมาหวังว่ามันจะออกมาดี”

ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.