Football Sponsored

WARRIX พร้อมขาย IPO-เข้า mai ภายในปีนี้บุก Sport-Health & Lifestyle

Football Sponsored
Football Sponsored

บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) เปิดแผนกลยุทธ์บุกธุรกิจ Sport ? Health & Lifestyle แบบครบวงจร มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ปักธงพาแบรนด์ไทยก้าวสู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าระดมทุนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้

นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WARRIX เปิดเผยว่า วอริกซ์มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาที่มีคุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ระดับโลก เพื่อให้คนไทยเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุดในราคาที่จับต้องได้ ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แบรนด์ผลิตภัณฑ์วอริกซ์ “WARRIX” เป็นที่รู้จักและเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน ดังนี้ 1) จุดเด่นในเรื่องนวัตกรรมเส้นใยและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความทันสมัย และเข้าใจความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า 2) มีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากการได้รับสิทธิสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทย, ทีมสโมสรฟุตบอลชั้นนำต่างๆ, สถานศึกษาและองค์กรต่างๆ อีกหลายแห่ง รวมถึงมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาคอย่างฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 3) มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้โดยตรง 4) ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Data Driven with Marketing Strategy เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน ตั้งแต่วางแผนการสั่งผลิต การกำหนดราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย และการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ

วอริกซ์พร้อมจะสานต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง สู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ Sport ? Health & Lifestyle แบบครบวงจร โดยใช้จุดแข็งการเป็นผู้นำในตลาดสินค้ากีฬา ต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ รวมถึงรุกเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์วิทยาศาสตร์และการกีฬา หรือ Warrix Physiotherapy & Performance Studio ซึ่งมีบริการด้านการรักษา ฟื้นฟู ให้คำปรึกษา ให้องค์ความรู้ด้านโภชนาการ จากทีมนักกายภาพที่ได้รับใบอนุญาตและเทรนเนอร์มืออาชีพ พร้อมด้วยหลักสูตรเฉพาะทางสำหรับฟุตบอล มาราธอน กอล์ฟ จักรยาน และออฟฟิศซินโดรม ปัจจุบันบริษัทฯ เปิดให้บริการ 2 แห่ง สาขาแรกตั้งอยู่ที่ Stadium One และสาขาที่ 2 ตั้งอยู่ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งวางแผนจะพัฒนาเป็น WARRIX Run Hub สำหรับเป็นพื้นที่ในการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาและผู้ชอบการออกกำลังกาย รวมถึงร้านขายสินค้าและอุปกรณ์วิ่ง ซึ่งเตรียมจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะเดียวกันยังมุ่งสู่การเป็น Lifestyle Brand มากขึ้น ผ่านการสนับสนุนอีเวนต์กีฬาอื่นๆ เช่น วิ่งมาราธอน วิ่งเทรล รวมถึงการจัดกิจกรรมอื่นๆ ร่วมซึ่งเป็นการ Cross-Industry Strategy เช่น เทศกาลดนตรี เทศกาลอาหาร และแคมป์ปิ้ง พร้อมทั้งมีแผนเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าให้ครอบคลุม เช่น เสื้อโปโล สปอร์ตบรา สตรีทแวร์ รองเท้าแฟชั่น กระเป๋า หมวก หน้ากากผ้ากันฝุ่น อุปกรณ์ออกกำลังกาย และอุปกรณ์โยคะ เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโครงการลงทุนที่วางแผนไว้ในอนาคต ประกอบด้วย 1) โครงการ Warrix Lifestyle @ Siam Square เป็นการขยายสาขาแห่งใหม่ เพื่อยกระดับแบรนด์และผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดระดับพรีเมียม รองรับธุรกิจไลฟ์สไตล์ในอนาคต คาดว่าจะเปิดให้บริการเฟสแรกภายในปีนี้ 2) โครงการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และสำนักงาน บริเวณถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2567

นอกจากนี้ วอริกซ์ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ตั้งเป้าผลิตเสื้อจากวัตถุดิบรีไซเคิล ร่วมกิจกรรมที่ส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้านสังคม เช่น นำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาร่างกาย สนับสนุนกิจกรรมกีฬาแก่เยาวชน ด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น การปรับปรุงกระบวนการภายในเพื่อลดขั้นตอนการทำงานที่ผิดพลาด ตลอดจนดำเนินธุรกิจอย่างยุติธรรม เที่ยงตรงโปร่งใส ตามนโยบายของบริษัทฯ

นายพงศ์วรรธน์ ติยะพรไชย ผู้อำนวยการกลุ่มงานขาย WARRIX กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬามีมูลค่าสูงถึง 30,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ประมาณ 15-20% ต่อปี จากพฤติกรรมของผู้คนที่หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้กีฬาและกิจกรรมสุขภาพต่างๆ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการวิ่ง การขี่จักรยาน การออกกำลังกายที่บ้านด้วยตัวเอง และโยคะ เป็นต้น รวมทั้งยังมีแรงหนุนจากการกลับมาแข่งขันของรายการกีฬาสำคัญอย่างเช่น FIFA World Cup 2022, AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 และโอลิมปิกในปี 2024 อีกด้วย ทำให้บริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเติบโตเหล่านี้

ปัจจุบันรายได้หลักของวอริกซ์มาจากการจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม Non-Licensed ได้แก่ สินค้าคลาสสิก สินค้าคอลเลกชัน และสินค้าทำตามคำสั่ง (Made to Order) ที่มีสัดส่วนรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 34.90% 28.26% และ 16.21% ตามลำดับ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม สามารถสวมใส่ได้หลากหลายโอกาส และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของวอริกซ์ที่ต้องการลดการพึ่งพาสินค้าภายใต้สัญญาสนับสนุนและสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ขณะที่รายได้ส่วนที่เหลือจะมาจากสินค้าในกลุ่ม Licensed ซึ่งประกอบด้วย สินค้าฟุตบอลทีมชาติ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 12.68% สินค้าสโมสรฟุตบอล 3.99% และสินค้าลิขสิทธิ์อื่นๆ 1.89% นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าอื่นๆ อีก 0.54% และรายได้จากการให้บริการคลินิกกายภาพอยู่ที่ 0.47%

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ WARRIX มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมีความพร้อมขยายธุรกิจในทุกๆ ด้าน เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในอนาคต โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์นำเงินจากการระดมทุนไปใช้ลงทุนในโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาและสำนักงาน ถนนพระราม 9 เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพและออกกำลังกาย และใช้เป็นสำนักงาน ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการและดำเนินการโครงการต่างๆ ในอนาคต ทั้งนี้ WARRIX มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.5 บาทต่อหุ้น โดยเป็นทุนชำระแล้วทั้งสิ้นจำนวน 210 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 420 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น


Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.