“ปราสาทสายฟ้า”มาพรึ่บลุ้นทีมรักซิวเอฟเอคัพ
สื่อสังคมออนไลน์ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงไทยลีก 1 ฤดูกาล 2020 กลายเป็นพื้นที่ในการแบ่งปันความชื่นชม เมื่อทีมทำผลงานในฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบ 8 ทีม สุดท้าย แข่งกันไปในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งฤดูกาลนี้ พบกับ เอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด ในเกมไทยลีก โดย 2 นัด ที่พบกัน เป็นการแพ้ให้กับ “กิเลนผยอง “ เอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด 3-2 และเสมอกันไป 2-2 กระทั่งในฟุตบอล เอฟเอคัพ รอบ 8 ทีม เป็นทางฝั่ง “ ปราสาทสายฟ้า” ที่เปิดบ้านชนะ กิเลนผยอง 2-0
ทำให้ทีมผ่านเข้ารอบ 4 ทีม สุดท้าย พร้อมกันกับ สิงห์เชียงรายยูไนเต็ด , ชลบุรี เอฟซี และ ทรูแบงค็อกยูไนเต็ด ซึ่งการทำผลงานผ่านเข้ารอบ 4 ทีม สุดท้าย ของ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด สร้างบรรยากาศที่คึกคักให้เกิดขึ้นตามมาจากเหล่ากองเชียร์ ที่ใช้พื้นที่ https://www.facebook.com/BuriramUnitedFC/ สื่อความรู้สึกไปถึงสโมสร
รักพวกคุณจังเลย ทีมบุรีรัมย์ สุดยอด เก่งมากๆเลยคะ , สุดยอด เอาแชมป์ไปเลย , สะ ใจ ครับ สะใจ , ถ้าเล่นแบบนี้ทุกนัดแชมป์แน่นอนครับ , เล่นดีโคตรๆ เพรสซิ่งแบบบอลยุโรป ทั้งที่อากาศเมืองไทยอย่างร้อน , นักเตะบุรีรัมย์หัวใจสุดจริงๆ , เอาถ้วยกลับบ้านเรา , ปราสาทสายฟ้า วันนี้สุดยอดทุกคนเลย
อนึ่งวันจันทร์ที่ 5 เม.ย. จะมีการจับสลากประกบคู่รอบ 4 ทีม สุดท้าย ขณะที่การแข่งขันจะมีขึ้นในวันพุธที่ 7 เม.ย.
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.