Football Sponsored

ดวลทีมเก่า! ปีเตอร์ กูลัคซี่ ตัวสำรองของ ลิเวอร์พูล สู่มือ 1 ของ ไลป์ซิก

Football Sponsored
Football Sponsored

เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แอร์เบ ไลป์ซิก นั้น เป็นคู่ที่หลายคนให้ความสนใจจากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการที่ทั้ง 2 ทีมต่างก็เป็นทีมที่ทำผลงานได้โดดเด่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หรือว่าจะเป็นการดวลกันของ 2 กุนซือชาวเยอรมันที่ว่ากันว่าเก่งเป็นลำดับต้นๆ ของเมืองเบียร์ในตอนนี้อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ “หงส์แดง” กับ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ กุนซือหนุ่มไฟแรงของ ไลป์ซิก

    อย่างไรก็ตาม อีก 1 ประเด็นที่น่าสนใจของเกมนี้ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปก็คือการเจอกับทีมเก่าของ ปีเตอร์ กูลัคซี่ ผู้รักษาประตูมือ 1 ของ ไลป์ซิก เพราะที่จริงเจ้าตัวเคยอยู่กับ ลิเวอร์พูล ระหว่างปี 2008-2013 แต่จะว่าไปแล้วมันก็โทษใครไม่ได้หากพวกเขาลืมไปว่า กูลัคซี่ เคยอยู่กับ ลิเวอร์พูล มาก่อน เพราะนายด่านชาวฮังการีไม่เคยได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของทีมเลยแม้แต่วินาทีเดียว

    สำหรับ กูลัคชี่ นั้น เดิมทีเป็นเด็กปั้นของ เอ็มทีเค บูดาเปสต์ สโมสรในบ้านเกิดของตัวเอง แต่แล้วเมื่อปี 2007 เขาก็ได้เจอกับเรื่องที่คาดไม่ถึงเมื่อ ลิเวอร์พูล ติดต่อขอดึงเขามาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว 1 ปีเต็ม แน่นอนว่า กูลัคซี่ ที่ตอนนั้นมีอายุ 17 ปี ไม่ปฏิเสธโอกาสทองที่ “หงส์แดง” ยื่นมาให้

    สัญญายืมตัวดังกล่าวมันมีอ็อปชั่นซื้อขาด 1 ปีด้วย และหลังจากที่ กูลัคซี่ เป็นหนึ่งในขุมกำลังของทีมสำรอง ลิเวอร์พูล ชุดที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในฤดูกาล 2007-08  อย่างเช่นการได้แชมป์ลีกระดับเยาวชนแล้วนั้น “หงส์แดง” ก็ตัดสินใจใช้อ็อปชั่นดังกล่าว และนั่นก็ทำให้เขาเป็นนักเตะคนที่ 3 ที่ได้ย้ายจาก เอ็มทีเค บูดาเปสต์ มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล แบบเต็มตัว ไม่ใช่เพียงสัญญาเช่า โดย 2 คนก่อนหน้านั้นคือ อันดราส ไซม่อน กับ คริสซ์เตียน เนเม็ธ

    ผลงานของ กูลัคซี่ ในตอนนั้นถือว่าเข้าตาสตาฟฟ์ของ ลิเวอร์พูล ในระดับหนึ่ง จนในฤดูกาล 2010-11 เขาก็ได้มีชื่อเป็นตัวสำรองในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ต้นสังกัดเจอกับ ราบ็อตนิคกี้ ทั้ง 2 เกม และเกมกับ แทร็บซอนสปอร์ อีก 1 นัด แถมในเดือนมกราคมของปี 2011 เขายังได้เป็นตัวสำรองอย่างต่อเนื่องด้วยเพราะตอนนั้น แบรด โจนส์ เจ้าของตำแหน่งมือ 2 คนเดิมต้องไปช่วยทีมชาติออสเตรเลียสู้ศึก เอเอฟซี เอเชียน คัพ

    น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน กูลัคซี่ ก็ไม่สามารถแย่งมือ 1 ของ ลิเวอร์พูล มาจาก โฆเซ่ มานูเอล เรน่า เจ้าของตำแหน่งมือ 1 ของทีมในตอนนั้นได้ ถึงกระนั้น กูลัคซี่ ก็เผยว่าไม่เคยนึกเสียใจเลยที่เขี่ย เรน่า ร่วงจากบัลลังก์ไม่สำเร็จ และเขาก็ยอมรับด้วยว่า เรน่า เป็นนายทวารที่เก่งมากๆ

    “เราต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของสรีระและสไตล์การเล่น เขาเป็นผู้รักษาประตูที่มีเทคนิคดีมากๆ และผมก็ได้เรียนรู้บางอย่างจากเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเด็นของการมีหลักความคิดที่ดี ผมคิดว่าในช่วง 6 ปีที่ผมอยู่กับทีมน่ะเขาพลาดไปแค่ไม่กี่เกมเท่านั้น เขามุ่งมั่นกับการได้ลงเล่นทุกนัด เขามีความคงเส้นคงวาที่ดี เขาไม่เคยแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนเลย เขาเล่นได้แข็งแกร่งอยู่ตลอดเวลา และการได้เห็นเรื่องอย่างนั้นแบบใกล้ชิดมันก็มีประโยชน์กับผมในเวลาต่อมา”

    ในช่วง 6 ปีที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล นั้น กูลัคซี่ ถูกปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับ เฮเรฟอร์ด ยูไนเต็ด ทีมระดับ ลีก วัน เมื่อปี 2019, ทรานเมียร์ โรเวอร์ส อีก 1 ทีมจาก ลีก วัน ในฤดูกาล 2009-10 และ 2010-11 รวมถึง ฮัลล์ ซิตี้ ในซีซั่น 2011-12 ซึ่งเป็นตอนที่ “เดอะ ไทเกอร์ส อยู่ในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ”

    ทั้งนี้ ช่วงเวลากับ ทรานเมียร์ ถือเป็นช่วงเวลาที่แปลกชนิดที่คงมีไม่กี่คนที่จะเจอเรื่องแบบเดียวกับเขา เพราะตอนแรกเขาเซ็นสัญญาไปเล่นกับที่นั่นด้วยสัญญายืมตัว “7 วัน” เมื่อวันที่ 16 เมษายน ปี 2010 ก่อนที่จะได้ยืดสัญญาออกไปอีก 7 วัน หลังจากทำผลงานได้ดีในนัดกับ เอ็กเซเตอร์ ซิตี้ และในเวลาต่อมาก็มีการขยายสัญญาของเขาอีกไป 1 สัปดาห์

    รอบ 2 ของเขากับ ทรานเมียร์ ก็ไม่ต่างจากรอบแรกมากเท่าไหร่ เพราะเขาถูกยืมไปร่วมทีมแบบฉุกเฉินด้วยสัญญา 1 เดือน หลังจากตอนนั้น กุนนาร์ นีลเซ่น กับ ไซม่อน มิอ็อตโต้ 2 นายทวารของ ทรานเมียร์ เกิดเจ็บแบบกะทันหัน และในเวลาต่อมาก็มีการยืดสัญญายืมตัวเขาไปอีก 1 เดือน

    อันที่จริงในฤดูกาล 2011-12 ลิเวอร์พูล ก็ได้ยกเลิกสัญญายืมตัว กูลัคซี่ กับทาง ฮัลล์ เหมือนกัน แต่มันเป็นการทำเพื่อให้เขามาเป็นตัวสำรองของ แบรด โจนส์ ในเกม เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศกับ เอฟเวอร์ตัน เท่านัน เพราะตอนนั้น เรน่า และ อเล็กซานเดอร์ โดนี่ ติดโทษแบนทั้งคู่ ส่งผลให้ถึงแม้เกมนั้น ลิเวอร์พูล จะชนะคู่อริร่วมเมืองไป 2-1 แต่ กูลัคซี่ ก็มีส่วนร่วมเพียงแค่การนั่งเชียร์ที่ซุ้มม้านั่งสำรอง

    กูลัคซี่ บอกลา ลิเวอร์พูล แบบถาวรในช่วงซัมเมอร์ ปี 2013 โดยที่เขาย้ายไปเล่นกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทีมในออสเตรีย ซึ่งที่นั่นเขาทำผลงานได้ดีจนได้แชมป์ลีกกับทีม 2 สมัย ก่อนที่จะได้มาอยู่กับ ไลป์ซิก ในปี 2015 และอยู่กับทีมมาจนถึงทุกวันนี้

    แม้ว่าจะไม่เคยได้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล แต่ว่า กูลัคซี่ ก็ไม่เคยนึกแค้นแต่อย่างใด “ควาทรงจำที่ดีที่สุดของผมมันอยู่ในช่วงนั้นด้วยซ้ำ เพราะมันถือว่าผมได้อยู่กับสโมสรที่วิเศษมากๆ รวมถึงมีนักเตะเก่งๆ อยู่ในทีมด้วยตั้งหลายคน แถมแต่ละคนยังมีประสบการณ์สูงด้วย ทุกๆ การซ้อมมันเหมือนกับการลงเล่นจริงๆ ไม่มีใครอยากแพ้ ในฐานะผู้รักษาประตูดาวรุ่งแล้วนั้นคุณต้องทำผลงานให้ดี 100 เปอร์เซ็นต์เต็มอยู่เสมอ”

  
    – เด็กเกร็ดบอล –

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.