‘มาดามแป้ง’ แทงกั๊กนั่งนายกบอล หวั่นคนมองผลประโยชน์ทับซ้อน
“มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรฟุตบอล “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี และผู้จัดการทีม “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย เปิดเผยกับสื่อว่า สำหรับตัวเองนั้นเข้าสู่วงการฟุตบอลมาตั้งแต่ 16 ปีที่แล้ว ที่เริ่มเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิง ถือว่าเป็นเกียรติประวัติและความภาคภูมิใจที่สามารถพาทีมไปฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกได้ จนกระทั่งมาทำการท่าเรือ เอฟซี ตอนนั้นหลายคนก็มองว่ามาเพราะต้องการปูทางสู่การเมือง แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ที่เลือกการท่าเรือเพราะว่าตัวเองเกิดในกรุงเทพฯ และการท่าเรือก็เป็นทีมที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯเท่านั้นเอง
“ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าด้วยสภาพร่างกายทำให้มีเวลาให้กับทีมการท่าเรือลดน้อยลง ซึ่งการท่าเรือนั้นถือว่าเป็นที่ 1 ในดวงใจของตัวเอง ทำมาถึง 8 ปี แต่ปีนี้ผลงานไม่ดี พยายามถามตัวเองอยู่ว่าทั้งๆ ที่ทีมเตรียมตัวมาอย่างดี แต่กลับอยู่อันดับที่ 7 เท่านั้น ก็คิดอยู่ว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเองไม่ได้ลงไปดูแลด้วยตัวเองมากเท่าที่ควร เพราะในฐานะประธานสโมสรมองว่าเรื่องของใจเป็นส่วนสำคัญ จริงอยู่ที่ฟุตบอลเป็นเรื่องของเทคนิค, ความสามารถ, ทีมเวิร์กต่างๆ แต่เรื่องกำลังใจจากประธานสโมสรก็เป็นเรื่องสำคัญ” มาดามแป้งกล่าว
นอกจากนี้ นางนวลพรรณกล่าวต่อว่า สำหรับคนที่เข้ามาทำฟุตบอลโดยเฉพาะทีมชาติจะต้องรับคำวิจารณ์ของแฟนบอลได้ ส่วนตัวเองก็ได้อ่านผ่านๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่เคยโกรธเคืองคนที่เข้ามาวิจารณ์ โดยเฉพาะช่วงหลังที่มาทำฟุตบอลชาย ก็ยอมรับทุกคำวิจารณ์ เพราะฟุตบอลไม่สามารถอยู่ได้ถ้าหากไม่มีแฟนฟุตบอล
“ต้องยอมรับว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคที่ฟุตบอลไทยไม่รุ่งเรือง การจะทำให้ฟุตบอลทีมชาติมันดี จะต้องได้ตัวนักเตะที่ดีจากในฟุตบอลลีก เพราะว่าเรามีฟุตบอลลีกเพื่อพัฒนานักฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศและส่งต่อให้กับทีมชาติ เวลาที่ทีมชาติแข่งขันจะต้องมีส่วนประกอบในทุกด้านที่ดี ทั้งนักเตะและโค้ช ซึ่งปัญหาเหล่านี้เชื่อว่าสมาคมคงรู้ดี หลายทัวร์นาเมนต์ที่มีความสำคัญแต่ไม่สามารถจัดโปรแกรมกับฟุตบอลประเทศให้ลงตัวได้”
มาดามแป้งกล่าวเสริมถึงข่าวลือเรื่องการเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ว่าการเป็นนายกสมาคมนั้นถือว่าเป็นเป้าให้โดนกระสุนคำวิจารณ์จากแฟนบอลอยู่เสมอๆ ส่วนตัวชื่นชมทั้ง นายวรวีร์ มะกูดี และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่มีความอดทนสูงมากในการรับฟังคำวิจารณ์จากแฟนบอล
“การเลือกตั้งนายกสมาคมนั้นเป็นการเลือกตั้งที่มาจากเสียงของสโมสร มีหลายคนอยากให้แป้งเป็น ถามว่าอยากเป็นไหม บางนาทีก็อยาก บางนาทีก็ไม่อยาก แต่จะทำอะไรต้องทำให้มันสง่างาม ตราบที่ยังนั่งประธานสโมสรการท่าเรืออยู่ คนก็อาจจะมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องของการเลือกตั้งก็ยังมีเวลาถึงปี 2567” มาดามแป้งกล่าวปิดท้าย