Football Sponsored

‘ผ้าขาวม้าท้องถิ่น หัตถศิลป์ไทย’ ก้าวสูปีที่ 6 สืบสานหัตถกรรมพื้นบ้านภูมิปัญญาท้องถิ่น

Football Sponsored
Football Sponsored

วันอังคาร ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.

Tag :

ริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ผสานความร่วมมือกับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยเครือข่าย บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม ทั่วประเทศ ภาคีเครือข่ายสถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ดำเนินโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่น หัตถศิลป์ไทยอย่างต่อเนื่องจนประสบความสำเร็จและก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 จากจุดเริ่มต้นของโครงการในปี พ.ศ.2559 ภายใต้การทำงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการร่วมกันพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และรายได้ของชุมชนในชนบททั่วประเทศ มุ่งผลักดันให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าผ้าขาวม้าทอมือเพื่อช่วยเพิ่มรายได้และพัฒนาทักษะอาชีพให้กับชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทั่วประเทศ

โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่น หัตถศิลป์ไทย เริ่มต้นโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) นำโดย ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และประธานคณะกรรมการโครงการผ้าขาวม้าฯเป็นผู้ริเริ่มและหัวเรือหลักในการดำเนินงานมาตั้งแต่เริ่มโครงการ อีกทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนหลักในโครงการเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ให้ชุมชนสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง สร้างความภาคภูมิใจในการสืบสานและต่อยอดหัตถกรรมพื้นบ้านในปี 2565 นี้ โครงการผ้าขาวม้าฯ ภายใต้งาน “ผ้าขาวม้าทอใจ 2565” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ผ้าขาวม้าพาสุข” ที่สื่อถึงความสุข สุขใจทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้และเกิดความสุขแก่สังคมที่สามารถนำผ้าขาวม้าทอมือไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ภายใต้งาน Sustainability Expo 2022 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเป็นการรวมพลังของทุกภาคส่วน ให้พัฒนาเป็นทีมผ้าขาวม้าที่แข็งแกร่งและยั่งยืนเป็นหนึ่งเดียว โดยภายในงานยังมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ Creative Young Designers เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือ ด้วยการรวมพลังคนรุ่นใหม่มาร่วมสร้างสรรค์อัตลักษณ์ผ้าขาวม้าทอมือ โดยมีการบูรณาการความรู้ระหว่างคณะด้านการออกแบบและคณะด้านการบริหารธุรกิจในการช่วยพัฒนาผ้าขาวม้า ซึ่งได้ต่อยอดขยายพื้นที่ การทำงานเป็น 17 ชุมชนทั่วประเทศ ร่วมกับ 16 มหาวิทยาลัยในโครงการ Eisa (Education Institute Support Activity) และ 3 สโมสรฟุตบอลเพื่อส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือกับกลุ่มนักศึกษาซึ่งนอกจากต่อยอดความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า ของใช้ ของที่ระลึก ของชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือให้มีความทันสมัยแล้วยังมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาด้านการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่าย

ฐาปน สิริวัฒนภักดี กล่าวว่า “วัตถุประสงค์หลักของโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย และ “งานผ้าขาวม้าทอใจ” คือการสร้างรายได้และการพัฒนาทักษะต่างๆ ให้กับชุมชนผู้ผลิต เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความผาสุกให้กับชุมชนอันนับเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในมิติด้านสังคมนับตั้งแต่ริเริ่มโครงการเมื่อปี 2559 เราได้เห็นพัฒนาการของสินค้าผ้าขาวม้าทอมือและความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการด้านลายผ้า รูปแบบสินค้าคุณภาพการตัดเย็บ ตลอดจนการทำการตลาดผ่านช่องทางต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น เราได้เห็นความสนใจจากคนรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็น “ทายาทผ้าขาวม้า” ซึ่งเป็นลูกหลานของคนในชุมชนผู้ผลิตที่หันกลับมายึดถือการผลิตสินค้าผ้าขาวม้าทอมือเป็นอาชีพ ความสนใจจากน้องๆ นักศึกษาในโครงการ Creative Young Designer จากสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ที่หันมาเลือกใช้ผ้าขาวม้าเป็นวัตถุดิบในการออกแบบรวมไปถึงสโมรสรฟุตบอลหลายแห่งที่ได้ร่วมสนับสนุนนำผ้าขาวม้าทอมือมาประกอบเป็นสินค้าที่ระลึกของสโมสรแต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคงจะเป็นการนำผ้าขาวม้าทอมือของชุมชนในเครือข่ายของเราเข้าเป็นส่วนประกอบในชิ้นงานศิลปะขนาดยักษ์ที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณโถงชั้น LG ของศูนย์ประชุมแห่งนี้

งานนี้เป็นผลงานศิลปะจาก เพ็ญจันทร์ วิญญรัตน์ หนึ่งในกรรมการโครงการผ้าขาวม้า ท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยนับตั้งแต่วันเริ่มโครงการ เรียกได้ว่าชิ้นงานศิลปะนี้เป็นการยกระดับผ้าขาวม้าทอมือให้อยู่ในสายตาชาวโลกและผู้นำประเทศต่างๆที่จะเข้ามาร่วมงานในการประชุมระดับนานาชาติณ ศูนย์ประชุมแห่งนี้อย่างถาวรโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยประสบความสำเร็จใน 5 มิติหลักคือ การสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ้าขาวม้าทอมือ, การสร้างเครือข่ายภาควิชาการและภาคเอกชนที่พร้อมสนับสนุนชุมชนในการสั่งซื้อ ให้ความรู้เชิงธุรกิจ และการออกแบบ, การสร้างอัตลักษณ์ของชุมชน, การสานต่องานผลิตและแปรรูปผ้าขาวม้าสู่คนรุ่นใหม่ และ การสร้างห่วงโซ่การผลิตผ้าขาวม้าทอมือที่เข้มแข็ง

ต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้จัดการโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย กล่าวว่า “ตลอดเวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาโครงการนี้ได้รับความร่วมมืออันดียิ่งจากชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชนตลอดจนสถาบันการศึกษาต่างๆ ในการร่วมกันพัฒนาคุณภาพและการออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าทอมือให้มีความทันสมัยตรงกับความต้องการของตลาด และยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไปในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าประเทศไทยจะประสบวิกฤตการณ์ COVID-19 เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยก็ยังคงมีการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปรับวิธีการทำงานให้อยู่ในรูปแบบออนไลน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการประกวดลายผ้า “นวอัตลักษณ์” การจัดประกวดภาพถ่ายทางอินสตาแกรมภายใต้หัวข้อ “ผ้าขาวม้าพาสุข” การทำงานร่วมกันระหว่างนักศึกษาและชุมชนภายใต้กิจกรรม Creative Young Designer และการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำหนังสือ“ผ้าขาวม้า นวอัตลักษณ์ วิถีใหม่แห่งลวดลายตาราง” อันเป็นผลให้คณะทำงานสามารถสร้างสรรผลงานโครงการออกมาได้แม้ในช่วง Lock down และมีการขยายเครือข่ายการทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาสู่ 13 สถาบัน โดยจับคู่ทำงานร่วมกับ 15 ชุมชนผู้ผลิตและ 3 สโมสรฟุตบอล การจัดงาน “ผ้าขาวม้าทอใจ” ในวันนี้ มีวัตถุประสงค์ในการรวบรวมผลงานของโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยในช่วงปี 2564 และ 2565 เพื่อนำออกสู่สายตาประชาชนทั้งในรูปแบบการจัดแสดงแฟชั่นโชว์การแสดงสินค้า และการเผยแพร่ข้อมูลผ่านหนังสือ “ผ้าขาวม้า นวอัตลักษณ์ วิถีใหม่แห่งลวดลายตารางโครงการของเราจะยังคงทำงานร่วมกับชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือต่อไปและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการของเราจะยังได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านต่อไปในอนาคต เพื่อให้เราสามารถบรรลุถึงเป้าประสงค์หลัก คือการพัฒนาผ้าขาวม้าทอมือของไทยเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชุมชนผู้ผลิตของเราทั่วประเทศ”

ฐาปน สิริวัฒนภักดี กก.ผอ.ใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ และประธานคณะกก.โครงการ ผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย

ต้องใจ ธนะชานันท์ ผจก.โครงการผ้าขาวม้า ท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย

ฐาปน สิริวัฒนภักดี กก.ผอ.ใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ และประธานคณะกก.โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย, ต้องใจ ธนะชานันท์ ผจก.โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย, ปภัชญา สิริวัฒนภักดี, มีชัย วีระไวทยะ รวมทั้งเครือข่ายบริษัทประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคมทั่วประเทศ ภาคีเครือข่ายสถาบันการศึกษาและภาคเอกชนร่วมถ่ายภาพ

พิธีส่งมอบผลงานการออกแบบผ้าขาวม้า โครงการ Creative Young Designer ปี 2564

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.