Football Sponsored

เปิดสถิติ “โรนัลโด” ใช้ส่วนไหนยิงมากสุด หลังกดลูกที่ 700 เกมแมนยูฯ ชนะเอฟเวอร์ตัน

Football Sponsored
Football Sponsored

วันที่ 10 ตุลาคม 2565 ควันหลงฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 นัดที่ 9 ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1 แม้โดนนำก่อนจาก อเล็กซ์ อิโวบี ตั้งแต่นาทีที่ 5 แต่มายิงแซง 2 ลูกรวดจาก แอนโทนี นาทีที่ 15 และ คริสเตียโน โรนัลโด นาทีที่ 44 ทำให้ “ปิศาจแดง” เก็บเพิ่มเป็น 15 คะแนน กลับมาอยู่อันดับ 5 อีกครั้ง ตามหลังจ่าฝูง อาร์เซนอล 9 แต้มเท่าเดิม ส่วน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” มี 10 คะแนน หล่นมาอยู่อันดับ 12

ทั้งนี้ คริสเตียโน โรนัลโด สามารถทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ให้กับ “ปิศาจแดง” ได้สำเร็จ และเป็นประตูที่ 2 รวมทุกรายการ หลังถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน อองโตนี มาร์กซิยาล ที่บาดเจ็บในนาทีที่ 29 ซึ่งถือเป็นการยิงครบ 700 ลูกในระดับสโมสรของยอดดาวยิงวัย 37 ปีอีกด้วย แบ่งเป็นการยิงในเขตโทษมากถึง 473 ประตู

ล่าสุด บีบีซี สปอร์ต เผยสถิติของ คริสเตียโน โรนัลโด ว่าใช้ส่วนไหนของร่างกายทำประตูมากที่สุด จากทั้งหมด 700 ลูกที่ยิงได้ในระดับสโมสร ดังนี้

เท้าขวา 460 ประตู (66 เปอร์เซ็นต์)

เท้าซ้าย 125 ประตู (17.8 เปอร์เซ็นต์)

โหม่ง 113 ประตู (16 เปอร์เซ็นต์)

อื่นๆ 2 ประตู (0.2 เปอร์เซ็นต์)

หากแยกจำนวนประตูที่ โรนัลโด ทำได้ในแต่ละสโมสร จะแบ่งเป็นการยิงด้วยส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้ดังนี้

สปอร์ติง ลิสบอน (ปี 2002-2003) 5 ประตู (เท้าขวา 3 เท้าซ้าย 1 โหม่ง 1 อื่นๆ 0)

แมนยูฯ (ปี 2003-2009 และ 2021-ปัจจุบัน) 144 ประตู (เท้าขวา 97 เท้าซ้าย 22 โหม่ง 24 อื่นๆ 1)

เรอัล มาดริด (ปี 2009-2018) 450 ประตู (เท้าขวา 298 เท้าซ้าย 81 โหม่ง 70 อื่นๆ 1)

ยูเวนตุส (ปี 2018-2021) 101 ประตู (เท้าขวา 62 เท้าซ้าย 21 โหม่ง 18 อื่นๆ 0)

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.