Football Sponsored

ช่วงแรกก็แบบนี้! เฟร็ด รับสุดลำบากหลัง เทน ฮาก เมินคำขอเปลี่ยนตำแหน่ง

Football Sponsored
Football Sponsored

เฟร็ด กองกลางชาวบราซิเลียนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับตนต้องเจอกับสถานการณ์ที่สุดแสนยากลำบากภายใต้การทำงานร่วมกับกุนซือ เอริก เทน ฮาก หลังจากที่นายใหญ่ชาวดัตช์เพิกเฉยต่อคำขอของเขาเรื่องการเปลี่ยนตำแหน่งการเล่น

มิดฟิลด์เลือดแซมบ้า วัย 29 ปีก มีชื่อเป็น 11 ตัวจริงในแมตช์เปิดซีซั่นที่ “ผีแดง” แพ้ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน คาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และเกมโดน เบรนท์ฟอร์ด ถลุงยับไม่นับญาติ 0-4 ซึ่งเขาโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งด้วย 

หลังจากนั้น เฟร็ด ก็โดนดร็อป และได้ลงเล่นในฐานะตัวสำรองแค่เกมเดียว เนื่องจากสโมสรเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัย ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเก็บชัยชนะในเกมลีกอย่างต่อเนื่อง 4 แมตช์ติดต่อกัน ต่อมานักเตะได้กลับมาเล่นตัวจริงในเกมพ่าย เรอัล โซเซียดาด นัดแรก รอบแบ่งกลุ่ม ศึกยูโรปา ลีก จากนั้นก็ต้องไปนั่งเป็นตัวสำรองในเกมที่บุกชนะ เชอริฟฟ์ 2-0 

เฟร็ด เปิดใจในช่วงระหว่างเตรียมรับใช้ทีมชาติบราซิล แมตช์อุ่นเครื่องพบ กานา และ ตูนิเซีย ว่า “ในเกมกับ โซเซียดาด ผมลงเล่นตำแหน่งเบอร์ 10 (เพลย์เมกเกอร์) โดยขยับไปยืนทางซ้าย ซึ่งต้องเล่นร่วมกับ (คริสเตียโน่) โรนัลโด้ ผมเคยเล่นแบบนี้แต่มันนานมากแล้ว”

“กาเซมีโร่ เป็นนักเตะที่ทุกๆ คนรู้จักกันดี และ เทน ฮาก เป็นคนฉลาดมากๆ เขาเป็นผู้จัดการทีมที่สุดยอด ช่วงที่อยู่ในกระบวนการสร้างทีมมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานให้สำเร็จในช่วงข้ามคืน แต่เรามีการพัฒนาเป็นทีมร่วมกัน”

“ผู้จัดการทีมกับผมได้พูดคุยกันเกี่ยวกับบทบาทที่ผมชื่นชอบนั่นก็คือตำแหน่งเบอร์ 8 (โฮลดิ้ง มิดฟิลด์) ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดของผม แต่ในวงการฟุตบอลยุคปัจจุบันคุณต้องสามารถเล่นได้หลากหลาย” 

“ผมยังคงใจเย็น และพยายามทำงานของผมให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โชคร้ายที่มันไม่ใช่การเริ่มต้นที่ดีในช่วงต้นซีซั่น แต่ตอนนี้เรามีทีมที่เหมาะสม พร้อมกับเข้าใจในสิ่งที่ผู้จัดการทีมต้องการมากยิ่งขึ้น”

“ผมรู้ตัวเองดีว่าผมมีคุณค่ากับที่นี่ ขอบคุณพระเจ้าที่ผมถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล ดังนั้นผมรู้ว่าผมมีคุณค่า และทุกๆ คนสามารถพูดอะไรก็ได้ที่พวกเขาอยากพูด เพราะผมจะไม่เสียสมาธิกับสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าผมจะได้ลงเล่นตัวจริงหรือไม่ ผมก็จะยังคงทำงานหนักต่อไป” เฟร็ด ระบุ

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.