Football Sponsored

‘ผมแค่อยากจะช่วยทีมต่อไป’ – มิลเนอร์พูดถึงการลงเล่น 600 เกมในลีก

Football Sponsored
Football Sponsored

เจมส์ มิลเนอร์ ก้าวไปถึงสถิติใหม่อีกครั้งในอาชีพของเขาสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนที่เขาได้ลงสนามเกมที่ 600 ในลีก

รองกัปตันทีมไปถึงตัวเลขดังกล่าวในการลงเป็นตัวสำรองครึ่งหลังในเกมเสมอเอฟเวอร์ตันแบบไม่มีสกอร์ที่กูดิสัน พาร์กในวันเสาร์ โดยนอกจาก 6 เกมระหว่างช่วงเวลากับสวินดอนในสัญญายืมตัวที่เล่นในเดอะ ฟุตบอล ลีกปี 2003 ที่เหลือเป็นเกมพรีเมียร์ลีกรวมช่วงเวลากับลีดส์ ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิล, แอสตัน วิลลา และแมนฯ ซิตี้

“มันเป็นหนึ่งในเรื่องที่คุณอาจจะคิดถึงตอนที่คุณเลิกเล่น” มิลเนอร์วัย 36 ปีกล่าวในหนังสือแมตช์เดย์เมื่อไม่นานมานี้ “คุณไปถึงไมล์สโตน และตัวเลขเกมดังกล่าว และตอนที่คุณพูดถึงตัวเลขนี้ มันเป็นจำนวนที่เยอะ!”

“แต่ผมสำหรับผมแล้ว ผมก็แค่อยากจะช่วยเหลือทีมต่อไปมากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ในสโมสรฟุตบอล และนั่นหมายถึงทุกวันในการซ้อม และในทุกๆ เกมเพื่อพยายามจะมีส่วนกับความสำเร็จของสโมสรเท่าที่ผมจะทำได้”

เจ้าของเสื้อเบอร์ 7 กล่าวต่อไปว่า “ผมรู้สึกดี และคุณยังมีเวลาอีกนานกว่าจะเลิกเล่น ซึ่งผมอยากจะลงเล่นต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้”

“และเมื่อคิดถึงมัน มีที่แย่ๆ กว่านี้ในการเล่นฟุตบอลเทียบกับสโมสรลิเวอร์พูล ดังนั้นมันยอดเยี่ยมมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ และผมเพลิดเพลินกับความกดดัน และสนุกสนานไปกับแรงผลักดัน”

ตอนนี้มิลเนอร์รั้งอันดับ 4 นักเตะที่ลงเล่นมากที่สุดตลอดกาลของพรีเมีย์ลีก โดยมีแฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ลงเล่นรวม 609 เกมเป็นเป้าหมายต่อไป

เกี่ยวกับว่าเขามีความทะเยอทะยานจะทำลายสถิติของแกเร็ธ แบร์รี่ที่ลงเล่น 653 นัด กองกลางรายนี้กล่าวต่อไปว่า “ยังมีเส้นทางอีกไกล และผมไม่ได้มองไปถึงเรื่องนี้ถ้าพูดตามตรง”

“แกเร็ธเป็นเครื่องจักที่ลงเล่นต่อเนื่อง และลงเล่นทุกเกมตลอดเวลา มันแตกต่างไปนิดหน่อยกับบทบาทของผม เพราะผมไม่ได้เป็นตัวจริงทุกเกม ซึ่งอย่างที่ผมพูด มันไม่ใช่เรื่องที่ผมมองถึง”

“แน่นอนว่ากัซเป็นเพื่อนสนิทของผมเช่นกัน และมีอาชีพที่น่าทึ่ง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะพูดถึง และไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมองไปถึงในตอนนี้”

“อีก 60 เกมเศษนั้นยังห่างไกลในเวลานี้ ดังนั้นผมจะทำสิ่งที่ผมทำได้ และต้องมองไปทีละเกม และพยายามจะช่วยเหลือทีมให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้”

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.