Football Sponsored

ลิเวอร์พูล ที่ 4 ไกลเกินฝัน? (คอลัมน์สนุกมือ/ ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)

Football Sponsored
Football Sponsored

ฤดูกาลพรีเมียร์ลีกก้าวล่วงมาจนถึงโค้งสุดท้าย ถ้าเป็นม้าแข่งคงเป็นช่วงสำคัญที่ใครมีทีเด็ดอะไรก็ต้องงัดออกมาสู้ให้หมดหน้าตัก

ภาพต่างๆค่อนข้างชัดเจนเกือบหมดแล้ว ยกเว้นโควตาแชมเปี้ยนส์ลีกในอันดับ 3-4 และพื้นที่ ยูโรป้าลีก ใครจะช่วงชิงได้ท่ามกลางสภาวะที่ฝุ่นตลบไปหมด ส่วนอันดับ 1 กับ 2 คงต้องยกให้กับทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์

ทีมอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก้าวขึ้นมาท้าทายบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าจะมีเหี่ยวปลายหรือไม่ แต่ “สุนัขจิ้งจอก” นั้นมีประสบการณ์มาแล้วจากเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ดังนั้นปีนี้พวกเขาน่าจะระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี ด้วยขุมกำลังที่ใหญ่พอตัว น่าจะทำให้มีลุ้นจบท็อปโฟร์ได้สำเร็จ


ส่วน “ขุนค้อน” ของเดวิด มอยส์ มาไกลแบบเกินคาดแล้ว ปลายอาจจะมีโรยๆลงไป หากสิ้นซีซั่นได้ไป ยูโรป้าลีก พวกเขาคงฉลองกันยกใหญ่

ผมมองว่าอันดับ 4 น่าจะเป็นวัดกันระหว่าง เชลซี ของ โทมัส ทูเคิ่ล กับ ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ถึงแม้กุนซือแชมป์เก่ารีบออกตัวแล้วว่า การคว้าที่ 4 ในปีนี้น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับ “หงส์แดง” ถึงแม้มีคะแนนตามหลังเจ้าของอันดับ 4 ล่าสุดอย่าง เชลซี อยู่เพียงแค่ 5 คะแนน

แต่หากลองซูมดูโปรแกรมการแข่งขันที่เหลืออยู่ของ ลิเวอร์พูล นั้น เจอหนักๆเพียงแค่สองนัดเท่านั้น คือบุกเยือนอาร์เซนอลในวันที่ 4 เมษายน และไปเล่นในรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 1 พฤษภาคม


ส่วน “เดอะ บลูส์” มีคิวน่าหนักใจคือบุกไปเยือน แมนฯซิตี้ 8 พ.ค. และเปิดบ้านพบอาร์เซนอล 13 และ เลสเตอร์ 15 พฤษภาคม หนักกว่า “หงส์แดง” นิดๆ ดังนั้นจึงยังไม่เห็นความจำเป็นใดๆที่ คล็อปป์ จะต้องรีบออกมาโยนผ้า นอกเหนือจากว่าเขาพยายามลดความกดดันให้ลูกทีมเท่านั้น

พูดแล้วก็น่าเห็นใจกุนซือชาวเยอรมันที่ผลงานตกต่ำลงมาเพราะนักเตะเจ็บกันเยอะ ตอนนี้เล่นไป 29 นัดมี 46 คะแนน ต่อให้ชนะหมดทุกนัดที่เหลือยังทำได้เต็มที่แค่ 73 แต้มในซีซั่นนี้ เอาเข้าจริงแล้ว 70 จะถึงหรือไม่
เมื่อเทียบกับสองฤดูกาลที่ผ่านมา 99 และ 97 คะแนน ลดไปอย่างน้อยๆเกือบ 30 แต้ม น่าใจหายจริงๆ ในช่วงซัมเมอร์เขาคงต้องทำการบ้านหนักมาก

กลับมาที่เดิมพันอันดับ 4 สิ่งที่น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญสุดว่าใครจะคว้าไป คือการได้เข้ารอบลึกหรือไม่ในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งตอนนี้ทั้ง เชลซี และ ลิเวอร์พูล พาเหรดเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเรียบร้อยแล้ว ใครที่ได้ฝ่าด่านเข้ารอบต่อไปได้อีก นั่นน่าจะทำให้ทั้งสมาธิและพลังงานถูกถ่ายเทไปยังถ้วยใหญ่ของยุโรป ผลงานในลีกต้องกระทบบ้างเป็นธรรมดา แถม “สิงโตน้ำเงินคราม” ยังมีภาระใน เอฟ.เอ.คัพ ลุ้นอยู่อีกถ้วยหนึ่งด้วย


ตอนนี้ผลงานของ “หงส์แดง” เริ่มขยับดีขึ้นบ้างแล้ว ดังนั้นแฟนๆคงต้องเอาใจช่วยให้ 9 นัดสุดท้าย พวกเขาดึงวิญญาณแชมป์เก่ากลับมาให้ได้ และคิดเสียว่าทุกนัดเป็นบอลถ้วยต้องเอาชนะให้ได้ทุกเกม

งานนี้น่าจะเป็นหนังชีวิตที่ต้องดูกันยาวไปถึงช่วงท้ายฤดูกาล อย่าเพิ่งรีบถอดใจ คำตอบอยู่ที่ “มุมแดง”หรือ“มุมน้ำเงิน” จะเป็น คล็อปป์ หรือเยอรมันรุ่นน้องของเขาอย่าง ทูเคิ่ล ได้เฮ อดใจรอดูกันอีกไม่นานครับ.

9 นัดสุดท้ายของ เชลซี                                    9 นัดสุดท้ายของลิเวอร์พูล
เมษายน                                                                     เมษายน
3    เวสต์บรอมฯ (H)                                                4  อาร์เซน่อล  (A)
10  คริสตัล พาเลซ (A)                                              10   แอสตัน วิลล่า   (H)
17  ไบรท์ตัน (H)                                                       17   ลีดส์ ยูไนเต็ด   (A)
24  เวสต์แฮม (A)                                                      24   นิวคาสเซิ่ล     (H)

พฤษภาคม                                                     พฤษภาคม
1    ฟูแล่ม (H)                                               1    แมนฯ ยูไนเต็ด (A)
8    แมนฯ ซิตี้ (A)                                            8    เซาธ์แฮมป์ตัน (H)
13    อาร์เซน่อล (H)                                        12   เวสต์บรอมวิช (A)
15    เลสเตอร์ ซิตี้ (H)                                         15   เบิร์นลี่ย์ (A)
23   แอสตัน วิลล่า (A)                                       23   คริสตัล พาเลซ (H)

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.