โฮโซไกชี้ชัดค่าเหนื่อยแข้งไทยสูงลิ่วเทียบลีกยุโรป – สยามกีฬา
ฮาจิเมะ โฮโซไก อดีตแข้งทรู แบงค็อกฯ ออกโรงยันชัดค่าเหนื่อยแข้งไทยลีกสูงลิ่วพอกับในยุโรป ชี้แต่พอนักเตะไทยไปเล่นในเจลีกค่าเหนื่อยจะลดลง บอกการฝึกซ้อมกับสโมสรในไทยค่อนข้างสบาย แตกต่างจากเจลีกโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก J.League ในรายการ J.League: Playing Asia ได้ออกมาสัมภาษณ์ผู้เล่นชาวญี่ปุ่นที่เคยไปค้าแข้งต่างแดน 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ฮาจิเมะ โฮโซไก อดีตกองกลางที่เคยค้าแข้งกับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ดาวเตะซามูไรวัย 35 ปี ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากได้มีโอกาสย้ายมาค้าแข้งในประเทศไทยว่า “สำหรับประเทศไทยแล้วให้ค่าตัวกับนักกีฬาต่างชาติสูง พูดคร่าวๆ พอๆ กับในยุโรป สำหรับผมทั้งได้รับการดูและความเป็นต่างชาติมาไทย รู้สึกว่าทุกคนให้การประเมินสูงมาก”
” นักกีฬาที่ได้รับข้อเสนอจากเจลีก ก็มีเยอะรวมถึงกับนักกีฬาคนไทยด้วย แต่พอไปเจลีกแล้วค่าเหนื่อยก็จะลดลง ส่วนถ้าถามว่าบรรยากาศการฝึกซ้อมในไทยลีก กับ เจลีก นั้นแตกต่างกัน คือบรรยากาศการฝึกซ้อมแตกต่างจากเจลีกโดยสิ้นเชิง ตอนไปถึงเมืองไทยครั้งแรกผมรู้สึกว่าที่นี่ซ้อมกันแบบสบาย แต่พอลงสนามแข่งขันจริงดุเดือดมาก”
สำหรับเริ่มสร้างชื่อในฐานะดาวรุ่งกับ อุราวะ เรด ไดมอนด์ส ซึ่งเจ้าตัวมีส่วนช่วยในการคว้าแชมป์ เอ็มเพอเรอร์ส คัพ 2 สมัย เจลีก 1 สมัย และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย ทำให้ฮาจิมีชื่อติดทีมชาติญี่ปุ่น และสามารถคว้าแชมป์ เอเอฟซี เอเชียนคัพ มาครองได้ 1 สมัย ในปี 2011
โดยหลังจากนั้น โฮโซไก เดินทางไปค้าแข้งในลีกเยอรมันกับหลายทีมชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, เอาก์สบวร์ก, แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และสตุ๊ตการ์ท โดยระหว่างนั้นเคยมีโอกาสได้สัมผัสฟุตบอลตุรกีกับ บูร์ซาสปอร์ เป็นเวลา 1 ฤดูกาล ก่อนจะกลับมาเล่นในลีกบ้านเกิดกับ คาชิว่า เรย์โซล เมื่อปี 2017 และออกเดินทางอีกครั้งสู่ประเทศไทยในปี 2019 กับทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยมี ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เป็นสโมสรล่าสุดก่อนจะแยกทางไปหมดสัญญาเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค.64 ที่ผ่านมา
อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.