Football Sponsored

‘โค้ชจุ่น’ แบ่งงาน! ให้ ‘โค้ชหระ’ ตามฟอร์มแข้งยู-23 ส่วนตัวเองส่องชุดใหญ่ – มติชน

Football Sponsored
Football Sponsored

‘โค้ชจุ่น’ แบ่งงาน! ให้ ‘โค้ชหระ’ ตามฟอร์มแข้งยู-23 ส่วนตัวเองส่องชุดใหญ่

ความเคลื่อนไหว “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย หลังจากแยกทางกับ อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น หลังทำผลงานในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก โดยจะมีโปรแกรมสำคัญ 2 รายการใหญ่ในปีนี้คือฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก รวมถึงฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ)

โดยก่อนหน้านี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศแต่งตั้ง “โค้ชจุ่น”อนุรักษ์ ศรีเกิด ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนขึ้นเป็นรักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอน ทำงานร่วมกับ “โค้ชหระ”อิสสระ ศรีทะโร และ “โค้ชอ่ำ” อัมรินทร์ เยาดำ ในการเตรียมความพร้อมทีมฟุตบอลทีมชาติไทย

ล่าสุด “โค้ชจุ่น” เปิดเผยว่า เพื่อให้การทำงานเตรียมความพร้อมของทีมชาติไม่เกิดปัญหาทับซ้อนเนื่องฟุตบอล 2 รายการต้องใช้นักเตะสองรุ่น ดังนั้นทีมงานโค้ชที่มีอยู่จะแยกกันทำงานในแต่ละชุด

“ทีมไม่เกิน 23 ปี เราจะใช้นักเตะที่ต่อรุ่นมาจากทีมเยาวชน 19 ปี ซึ่งตรงนี้ โค้ชหระ (อิสสระ ศรีทะโร) มีความคุ้นเคยมากกว่าเนื่องจากผ่านการคุมนักเตะเหล่านั้นมาแล้ว ดังนั้นเพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น จากนี้โค้ชหระจะเป็นคนวางแผนงานทั้งหมดในการเตรียมทีมสำหรับฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก”

“ส่วนรายชื่อผู้เล่นอย่างที่เราเคยแจ้งไปแล้วว่านักกีฬาที่อยู่ในข่ายนั้นมีใครบ้าง จากสโมสรไหนบ้าง จากนี้สมาคมฟุตบอลคงจะทำหนังสือแจ้งไปยังสโมสรต่อไปว่าเราจะเรียกตัวเข้าแคมป์ฝึกซ้อม แต่ทั้งนี้ต้องรอความชัดเจนในการพูดคุยระหว่างสมาคมฟุตบอลกับศบค. ว่าจะสามารถเข้าแคมป์ฝึกซ้อมได้หรือไม่ และจะเป็นสถานที่ใด”

“ขณะที่ตัวผมเองนั้นจะทำหน้าที่เตรียมความพร้อมในการเก็บข้อมูลนักเตะชุดใหญ่ ในระหว่างที่สมาคมฟุตบอลยังไม่ได้แต่งตั้งหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ โดยจะเป็นการตามดูว่ามีนักเตะคนใดอยู่ในข่ายที่สามารถก้าวขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ได้บ้าง รวมถึงนักเตะชุดเดิมใครฟอร์มดี หรือหลุดจากมาตรฐานเดิมของตัวเองบ้าง”

“แต่ทั้งนี้สำหรับทีมชุดใหญ่คงต้องรอดูสถานการณ์โดยรวมอีกครั้งว่าฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ในช่วงปลายปีนั้นจะจัดแข่งขันแบบใด ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจจะจัดที่สนามกลางเหมือนกับฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก และหากเลือกใช้สนามกลางคงจะเป็นในประเทศตะวันออกกลาง อย่างเช่นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)”

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.