Football Sponsored

ซานโช่ขอโทษยิงเป้าพลาดทำอังกฤษชวดแชมป์ยูโร – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

เจดอน ซานโช่ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ กล่าวขอโทษแบบยาวเหยียดจากกรณีที่ตนยิงเป้าไม่เข้าในนัดชิงดำของศึก ยูโร 2020 แต่เสริมว่าตนมีความสุขมากๆ กับการได้เป็นส่วนหนึ่งของทัพ “สิงโตคำราม” ชุดล่าสุด

    เจดอน ซานโช่ ปีกคนดังของทีมชาติอังกฤษ กล่าวขอโทษกับการที่ตนยิงลูกจุดโทษไม่เข้าจนทำให้ทีมแพ้ อิตาลี ในช่วงดวลเป้าของศึก ยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

    ก่อนที่ทัวร์นาเมนท์นี้จะเริ่มขึ้นนั้น ซานโช่ ถูกจับตามองว่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ทำผลงานได้โดดเด่นกับ อังกฤษ หลังจากเจ้าตัวเล่นได้สุดยอดกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทัพ “สิงโตคำราม” ได้ ซ้ำร้ายในนัดชิงดำเขายังเป็นหนึ่งใน 3 คนของ อังกฤษ ที่ยิงลูกจุดโทษในช่วงดวลเป้าพลาดด้วย และมันก็ทำให้เขาโดนแฟนบอลบางส่วนเหยียดผิวใส่อย่างรุนแรง

    ซานโช่ กล่าวผ่าน อินสตาแกรม เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิตว่า “ผมได้มีเวลาย้อนนึกถึงนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นเวลา 2 วัน และผมก็ยังรู้สึกหลายอย่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมอยากจะขอโทษเพื่อนร่วมทีมของผมทุกคน, ทีมสตาฟฟ์โค้ชทุกคน และที่สำคัญที่สุดคืออยากจะขอโทษแฟนบอลทุกคนที่ผมทำให้พวกเขาต้องผิดหวัง นี่นับเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในอาชีพการเล่นของผม มันอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ยากมากๆ แต่มันก็มีเรื่องดีๆ หลายเรื่องที่เราสามารถเก็บจากรายการนี้ได้ แม้ว่าการแพ้ในบั้นปลายจะทำให้ต้องเจ็บปวดไปอีกนานก็ตาม”

    “สิ่งแรกที่ผมคิดในช่วงก่อนที่จะลงเล่นในแต่ละนัดก็คือเรื่องที่ว่า -ฉันจะช่วยทีมได้ยังไงบ้างนะ ? ฉันจะทำแอสซิสต์ยังไงดี ? ฉันจะทำประตูยังไงดี ? ฉันจะสร้างโอกาสทำประตูได้ยังไง ?- และตอนที่ได้ยิงลูกจุดโทษน่ะผมก็ทำไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะช่วยทีมให้ได้เช่นกัน ผมพร้อมรับหน้าที่นั้นและมีความมั่นใจที่จะยิงมัน นี่เป็นช่วงเวลาที่คุณใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเล่นฟุตบอลด้วย”

    “ในฐานะนักฟุตบอลแล้วนั้นมันเป็นสถานการณ์อันเต็มไปด้วยแรงกดดันที่คุณอยากจะเจออยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยยิงลูกจุดโทษในระดับสโมสรเข้าหลายลูก ผมฝึกซ้อมการยิงลูกจุดโทษแบบนับครั้งไม่ถ้วนทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ดังนั้นผมก็เลยรับหน้าที่ยิงลูกจุดโทษ แต่หนนี้มันไม่ออกมาอย่างที่ควรจะเป็น เราทุกคนต่างก็มีความทะเยอทะยานและเป้าหมายแบบเดียวกัน เราอยากจะนำถ้วยแชมป์กลับสู่บ้านของเราให้ได้”

    “นี่เป็นหนึ่งในการเข้าแคมป์ซ้อมที่สนุกที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในอาชีพการเล่นของผม เรามีความสามัคคีกันอย่างมากชนิดที่ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เรามีความเป็นครอบครัวกันทั้งในและนอกสนาม”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.