Football Sponsored

ประกาศผลสอบ 4 ทีมไทยในเอซีแอล2021 บีจี-สิงห์เชียงรายผ่าน, ท่าเรือฯ-ราชบุรีตก – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

ภารกิจรอบแบ่งกลุ่ม ในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ของ 4 ทีมจากไทย จบไปแล้ว โดยมีแค่เพียง บีจีปทุม ยูไนเต็ด ทีมเดียวที่ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายสำเร็จ

    ทีมงานฟุตบอลสยามขอนำบทสรุปผลงานของทั้ง 4 ทีม ทั้ง บีจีปทุมฯ, การท่าเรือ, สิงห์เชียงรายฯ , ราชบุรีฯ มาฝากกันอีกครั้ง

    พร้อมประเมินว่าทีมไหน สอบผ่านหรือสอบตก ในเอซีแอล ฤดูกาล 2021

    @ สอบผ่าน

    บีจีปทุม ยูไนเต็ด

    แชมป์ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2020 ที่ผ่านมา อย่าง บีจีปทุม ยูไนเต็ด เป็นทีมเดียวจาก 4 ทีมที่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ โดยรอบต่อไปพวกเขาต้องเจอกับ ทีมแกร่งจากแดนกิมจิ อย่าง ชนบุค ฮุนได มอเตอร์

    รอบแบ่งกลุ่ม บีจีปทุมฯ ทำได้ดีเช็คบิลทีมอย่าง คาย่าฯ , เวียตเทล ได้ ทั้ง 2 เกมที่พบกันทำให้คว้าชัยได้ 4 นัดจริงแล้วเกมกับทีมแกร่ง เกาหลีใต้ อย่าง อุลซาน ก็ไม่ได้ขี้เหร่แต่ความแน่นอนยังเป็นรองทีมจากแดนโสมขาวอยู่ โดยรวมถือว่าสอบผ่าน และมีการบ้านอีกเยอะโดยเฉพาะการเข้าทำที่ต้องหลากหลายกว่านี้กับการต้องพบกับ ชนบุ๊คฯ ในรอบ 16 ทีม หากหวังจะไปได้ไกลถึงรอบ 8 ทีม ต้องแกร่งมากกว่านี้ให้ได้ 

    ผลงาน 6 นัดรอบแบ่งกลุ่ม เอฟ ที่ผ่านมา ของ บีจีปทุมฯ มีดังนี้

    นัด 1 ชนะ คาย่า ฯ (ฟิลิปปินส์) 4-1

    นัด 2 แพ้ อุลซาน ฯ (เกาหลีใต้ ) 0-2

    นัด 3 ชนะ เวียตเทล (เวียดนาม ) 2-0

    นัด 4 ชนะ เวียตเทล 3-1

    นัด 5 ชนะ คาย่าฯ 1-0

    นัด 6 แพ้ อุลซานฯ 0-2

    สรุปแข่ง 6 นัด ชนะ 4 แพ้ 2 ได้ 10 เสีย 6 แต้ม 12

    คนทำประตูให้ บีจีปทุมฯ

    3 ประตู – ดิโอโก้ หลุย ซานโต

    2 ประตู – ธีรศิลป์ แดงดา, เชาวัฒน์ วีระชาติ

    1 ประตู – ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อันเดรส ตุญเญช , สารัช อยู่เย็น

    สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด

    สิงห์เชียงรายฯ เล่นรอบแบ่งกลุ่ม เอซีแอล เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันแต่ก็ยังคงไม่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้ โดยถ้านับรวมกับการไปโชว์ฝีเท้าในเอซีแอล แล้วถือว่า สิงห์เชียงรายฯ ได้เล่น 4 ฤดูกาลติดต่อกัน ฤดูกาล 2018,2019 ไม่ผ่านเพลย์ออฟ

    ฤดูกาล 2020 เล่นรอบแบ่งกลุ่ม หนแรก ตกรอบแบ่งกลุ่ม ในฐานะทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม

    แต่กับฤดูกาล 2021 นี้พวกเขาทำได้ดีกว่าหนที่ผ่านมา โดยจบได้อันดับ 3 ของกลุ่ม จากผลงาน ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2 นัด เก็บได้ 8 แต้ม ดีกว่า ฤดูกาล 2020 ที่ได้แค่ 5 แต้ม จากการ ชนะ 1 เสมอ 2 นัด

    ผลงานฤดูกาล 2020 ของ สิงห์เชียงรายฯ จบอันดับ 4 ของกลุ่ม อี  ดังนี้ นัดแรก แพ้ เมลเบิร์น 0-1 (ย) , นัดสอง แพ้ ปักกิ่งฯ 0-1 (ห ) , นัดสาม แพ้ เอฟซี โซล 0-5 ( สนามกลาง ) , นัดสี่ ชนะ เอฟซี โซล 2-1 ( สนามกลาง ) , นัดห้า เสมอ เมลเบิร์นฯ 2-2 (สนามกลาง ) ,นัดหก เสมอ ปักกิ่งฯ 1-1 (สนามกลาง )

    ฤดูกาล 2021 นี้ ฎกว่างโซ้งฎ แพ้ 2 นัดให้ทีมจากเกาหลีใต้ อย่าง ชนบุ๊คฯ เท่านั้น แต่ก็แพ้แบบยิงประตูทีมแกร่งจากแดนกิมจิ ได้ทั้ง 2 เกม ขณะที่ การเจอกับทีมแกร่งจาก เจลีก เช่น กัมบะฯ นั้นก็ไม่แพ้ได้ผลเสมอ 2 นัด ส่วนการเจอกับ แทมปิเนสฯ นั้น สิงห์เชียงรายฯ เฮรวด 2 เกมแบบไม่เสียประตูได้

    หนนี้ถือว่า สิงห์เชียงรายฯ สอบผ่านไปเต็มๆแม้จะไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมได้ก็ตามที

    ผลงาน 6 นัดรอบแบ่งกลุ่ม เอช  ที่ผ่านมา ของ สิงห์เชียงรายฯ มีดังนี้

    นัด 1 แพ้ ชนบุค (เกาหลีใต้ ) 1-2

    นัด 2 ชนะ แทมปิเนส (สิงคโปร์) 1-0

    นัด 3 เสมอ กัมบะ (ญี่ปุ่น) 1-1

    นัด 4 เสมอ กัมบะ 1-1

    นัด 5 แพ้ ชนบุค 1-3

    นัด 6 ชนะ แทมปิเนส 3-0

    สรุป แข่ง 6 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2 ได้ 8 เสีย 7 แต้ม 8

    คนทำประตูให้ สิงห์เชียงรายฯ

    3 ประตู – บิล โรซิมาร์

    2 ประตู – เฟลิเป้ อาโมริม

    1 ประตู – เอกนิษฐ์ ปัญญา , ศิวกรณ์ เตียตระกูล,พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล

    @ สอบตก

    การท่าเรือ เอฟซี

    “สิงห์เจ้าท่า” แม้จะจบด้วยอันดับ 3 ของกลุ่ม เท่ากับ ที่ สิงห์เชียงรายฯ ทำได้แต่ต้องบอกว่าน่าผิดหวังพวกเขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้เมื่อมองจากสรรพกำลังที่มีอยู่ โดย ลูกทีม “มาดามแป้ง” เป็น 1 ใน 2 ทีมที่ใช้บริการกุนซือชาวไทยอย่าง “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ให้คุมทัพ เฉกเช่นเดียวกับ ราชบุรีฯ ที่ใช้ สมชาย ไม้วิลัย

    การท่าเรือ ฯ เก็บได้ 8 แต้ม จากการ ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2 ได้ 10 เสีย 8 แต้ม 8 แต่ที่น่าผิดหวังก็คือการเจอกับ คิตฉี ของ ฮ่องกง 2 นัด นั่นเอง ที่ไม่สามารถเอาชนะได้ ทำได้แค่ เสมอ กับ แพ้ หากเช็คบิล ทีมจากฮ่องกง ได้ 2 นัดป่านนี้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมได้ไปแล้วแน่นอน

    ถือว่าสอบตกอย่างสิ้นเชิง การ ชนะ กว่างโจว ฯ ได้นั้นวัดอะไรไม่ได้เพราะใครก็รู้ดีว่า หนนี้ ทีมแกร่ง จากแดนมังกร นั้นส่งเด็กมาเล่นนั่นเอง

    ผลงาน 6 นัดรอบแบ่งกลุ่ม เจ ของการท่าเรือฯ มีดังนี้

    นัด 1 แพ้ คิตฉี (ฮ่องกง ) 0-2

    นัด 2 ชนะ กว่างโจว ( จีน ) 3-0

    นัด 3 เสมอ เซเรโซ่ ( ญี่ปุ่น ) 1-1

    นัด 4 แพ้ เซเรโซ่ 0-3

    นัด 5 เสมอ คิตฉี 1-1

    นัด 6 ชนะ กว่างโจว 5-1

    สรุป แข่ง 6 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2 ได้ 10 เสีย 8 แต้ม 8

    คนทำประตูให้ การท่าเรือฯ

    3 ประตู – ปกรณ์ เปรมภักดิ์

    1 ประตู – เอเลียส ดอเลาะ , ฟิลิป โรลเลอร์ , แซร์คิโอ ซัวเรซ , ชาริล ชัปปุย , บดินทร์ ผาลา , ดาวิด โรเชร่า , Wang Wenxuan (นักเตะกว่างโจวฯทำเข้าเอง เกมการท่าเรือฯ ชนะ 5-1 )

    ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

    ราชบุรีฯ ได้เข้าลุยศึก เอซีแอล ฤดูกาล 2021 เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังทำผลงานได้ดีในเลกแรกของไทยลีก ฤดูกาล 2020 ที่ผ่านมา นั่นเอง และยังโชคดีที่ได้เล่นรอบแบ่งกลุ่ม เพราะมีบางทีมถอนตัวไม่เข้าร่วมไป

    แม้จะบอกว่า เป็นหนแรก ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนในเวทีฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเซีย

    แต่ก็ต้องบอกว่า ราชบุรีฯ นั้นสอบตกไปเต็มๆ เพราะแข่ง 6 นัด ชนะใครไม่เป็น เสมอ 2 แพ้ 4 นัด จบด้วบการเป็นบ๊วยของกลุ่ม จี

    ที่สำคัญคือ ยิงประตูใครไม่ได้อีกด้วย แม้จะเสียแค่ 10 ประตูก็ตาม จริงแล้วการเจอกับ ยะโฮร์ ทีมเพื่อนบ้านจากมาเลเซีย นั้น ราชบุรีฯ น่าจะทำได้ดีกว่าที่เก็บได้แค่ 1 แต้มกับสโมสรจากแดนเสือเหลือง ที่เสมอ 0-0 ส่วนกับทีมจากแดนปลาดิบ อย่าง นาโกย่า ฯ และ โปฮังฯ นั้นเป็นไปตามหน้าเสื่อ ยังดีที่ได้ผลเสมอจาก โปฮังฯ มา 1 เกม

    อย่างไรก็ดีเวที เอซีแอล หนนี้น่าจะทำให้ ราชบุรีฯ ได้อะไรไปไว้ใช้ในอนาคตเยอะทีเดียว แม้หนนี้พวกเขาจะสอบตกไปเต็มๆก็ตามที

    ผลงาน 6 นัดรอบแบ่งกลุ่ม จี  ที่ผ่านมา ของ ราชบุรีฯ  มีดังนี้

    นัด 1 แพ้ โปฮัง (เกาหลีใต้) 0-2

    นัด 2 แพ้ ยะโฮร์ (มาเลเซีย) 0-1

    นัด 3 แพ้ นาโกย่า (ญี่ปุ่น) 0-4

    นัด 4 แพ้ นาโกย่า 0-3

    นัด 5 เสมอ โปฮัง 0-0

    นัด 6 เสมอ ยะโฮร์ 0-0

    สรุป แข่ง 6 นัด เสมอ 2 แพ้ 4 ได้ 0 เสีย 10 แต้ม 2

    คนทำประตู – ไม่มี

    ข้อมูลโดย “สิงห์นก Hk vp 9 “

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.