Football Sponsored

หวังสโมสรปล่อยตัว! “โค้ชจุ่น”หวั่นคิวเตะลีกกระทบเก็บตัวยู-23 – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

ถามสโมสร ! “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด มองผลจับสลากคัดยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย เป็นงานไม่หนักของทีมชาติไทย ยืนยันอยู่ในเกณฑ์ที่สู้กันได้ เชื่อแข่งเดือน ต.ค. มีเวลามากพอให้เก็บตัวแต่แอบหวั่นโปรแกรมลีกอาจกระทบเก็บตัว แต่ชี้ชัดปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดคือสโมสรจะให้ความร่วมมือปล่อยตัวนักเตะมาร่วมทีมมากน้อยแค่ไหน

    หลังจากที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ได้มีพีธีจับสลากแบ่งสายฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2022 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ซึ่ง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ยู 23 ถูกจับอยู่ในกลุ่มเจ ร่วมกับ มองโกเลีย (เจ้าภาพ), มาเลเซีย และลาว  และโดยจะแข่งขันที่ ประเทศมองโกเลีย ในช่งระหว่างวันที่ 23-31 ต.ค.64 โดยจะนำแชมป์กลุ่มทั้งหมด 11 ทีม พร้อมด้วยทีมอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 4 จาก 11 กลุ่ม

    ล่าสุด “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด รักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีในการจับสลากออกมาเพราะดูแล้วทีมร่วมกลุ่มไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก อยู่ในเกณฑ์ที่สู้กันได้ ทั้งนี้ต้องดูว่าทางเราเองนั้นมีการเก็บข้อมูลคู่แข่งได้มากน้อยเพียงใด เพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขัน”

    “การที่เอาแชมป์กลุ่มทั้ง 11 กลุ่มรวมถึงรองแชมป์ที่ดีทีสุดเพียง 4 ทีมเข้ารอบสุดท้ายที่อุซเบกิสถาน ตนมองแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับฟุตบอลลีกอาชีพของเราด้วยว่าเราจะเริ่มแข่งขันได้เมื่อไหร่ เพื่อจะได้วางแผนการทำงานในการตามดูฟอร์มนักเตะ”

    รักษาการกุนซือใหญ่ “ช้างศึก” กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดีต้องดูว่าเราจะได้รับความร่วมมือจากสโมสรต้นสังกัดของนักเตะด้วยว่าจะให้ความร่วมมือดีมากน้อยเพียงใด หากเราวางแผนการเข้าแคมป์เก็บตัวหรือว่าอุ่นเครื่อง โดยเรื่องแรกที่ต้องทำตอนนี้คือการลิสต์รายชื่อนักเตะที่อยู่ในเกณฑ์ว่ามีผู้เล่นจากสโมสรใดบ้าง”

    “แม้ว่าการแข่งขันรอบคัดเลือกในเริ่มในเดือนต.ค. ซึ่งมีเวลาพอสมควร แต่ทั้งนี้ต้องรอลุ้นว่าฟุตบอลลีกอาชีพของเรานั้นจะเริ่มแข่งขันเมื่อไหร่ ที่สำคัญเราต้องออกไปเล่นสนามกลางที่ประเทศมองโกเลีย ทีมชาติไทยจะได้รับการร่วมมือในการปล่อยผู้เล่นไปร่วมทีมหรือไม่”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.