Football Sponsored

พิพากษา โอเล่ กุนนาร์ โซลชา – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

โทษฐานที่ติดตามดูฟอร์มการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างใกล้ชิดมาตลอดทั้งฤดูกาล 20202-21

    ผมขอวิสาสะทำตัวเป็นท่านยมบาลเจ้าขาประเมิณผลงานพลางพิพากษา โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในฐานะผู้จัดการทีมปีศาจแดง

    ว่าแล้วขอเริ่มด้วยการทบทวนถึงความดีความชอบของกุนซือผู้นี้ในฤดูกาลล่าสุดก่อน

    1. ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าตำแหน่ง “รองแชมป์” พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ โดยมีแต้มตามหลังทีมแชมป์ประจำฤดูกาลน้อยที่สุด  นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาตำแหน่ง (12 แต้ม) แถมทำอันดับได้สูงกว่าทีมในวรรณะเดียวกันอย่าง ลิเวอร์พูล, เชลซี, สเปอร์ส และอาร์เซน่อล รวมถึง เลสเตอร์ ซิตี้

    นอกจากนี้ยังมีช่วงเวลาหนึ่งที่พวกเขาขึ้นนำเป็นจ่าฝูง และมีลุ้นแชมป์ แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เหมือนหลอกให้อยากแล้วก็จากไป แต่ขอบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีโมเมนต์อะไรแบบนี้มานานนับตั้งแต่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งล่าสุด เมื่อ 8 ปีก่อนโน่นเลยทีเดียว

    2. เป็นเพียงทีมเดียวในพรีเมียร์ลีกและฤดูกาลนี้ที่ไม่แพ้ในพรีเมียร์ลีกนอกบ้านตลอดทั้งฤดูกาล เป็นจำนวน 19 นัด ขนาดบรมกุนซืออย่างท่านพระยาหมื่นลูกหนังยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ได้ !!! 

    3. การแก้เกม การกระตุ้นลูกทีมในห้องแต่งตัว และการเปลี่ยนตัวที่ถือว่าดีระดับหนึ่งจนช่วยให้ลูกทีมพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะคู่แข่งจากตอนที่ตัวเองถูกนำ 0-1 ได้มากที่สุดถึง 10 นัดในพรีเมียร์ลีก 

    4. เกมที่เอาชนะคู่แข่งแบบน่าประทับใจอันแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้จัดการทีมในการติดตั้งรูปแบบการเล่น และวางกลยุทธ์

– บุกเชือด เปแอสเช 2-1 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
– ถล่ม ไลป์ซิก 5-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
– พลิกกลับมาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-2 หลังโดนนำ 2-0
– มอบความยับเยินให้คู่แค้นอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-2 ด้วยฟอร์มการเล่นที่สยดสยองยิ่งนัก
– ถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 9-0 อันเป็นสถิติมีชัยอย่างถล่มทลายมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก
– ยัดเยียดความปราชัยให้ยอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยการบุกอัด แมนฯ ซิตี้ 2-0 หยุดสถิติชนะ 15 นัดติดต่อกันของทีมเรือใบสีฟ้า
– เอาชนะคู่แค้นตลอดชาติอย่าง ลิเวอร์พูล ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4
– การบุกไปเอาชนะ เอซี มิลาน 1-0 และเปิดบ้านถล่ม โรม่า 6-2 ใน ยูโรปา ลีก   

    5. รูปแบบการเล่นเกมรุกที่รวดเร็วและมีความกล้าได้-กล้าเสียมากขึ้น เช่นเดียวกับการเล่นมีทีมเวิร์คและความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น อย่างน้อยหลังจากผ่านไปได้สักระยะหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้พึ่งความสามารถของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส มากเกินไปเหมือนที่พูดๆ กัน

    นอกจากนี้ยังค้นพบระบบการเล่นหลักในสูตร 4-2-3-1 รวมถึงเจอ 11 ตัวจริงที่เหมาะสม ก่อนใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่เปลี่ยนไป-เปลี่ยนมาจนหาความลงตัวไม่ได้

    อืมมมมม…นะ

    หากมองด้วยดวงตาที่ยุติธรรม พบว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็มีข้อดีให้ชื่นชมอยู่พอสมควรเลยทีเดียว 

    ลำดับต่อไปมาดูความบาปในบัญชีหนังหมาของกุนซือผู้นี้บ้าง

    1. มักพลาดท่าพ่ายแพ้คู่แข่งในเกมสำคัญแบบชี้เป็นชี้ตาย

    เรื่องนี้สำคัญมากนะครับ-ขอบอก เพราะความดีที่อุตส่าห์สร้างมาแทบจะหมดความหมายไปโดยพลัน ทันทีที่คุณแพ้ในเกมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

– แพ้ เปแอสเช คาบ้าน 1-3 ในเกมที่ควรเล่นแบบเพลย์เซฟ เพื่อเอาแค่แต้มเดียว แต่กลับผลีผลามและวู่วามที่จะเอาชนะมากเกินไป
– แพ้ ไลป์ซิก ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องการเพียงแต้มเดียวเช่นกัน
ความจริงเกมนี้อีน้าแกวางแผนให้ลูกทีมเล่นเกมรับอย่างระมัดระวัง แต่ดันถูกคู่แข่งชิงจังหวะขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็ว แถมโดนนำ 2-0 ในเวลาเพียง 13 นาที ทำให้แผนแตก !!!
– ถูก เอฟเวอร์ตัน ตีเสมอเป็น 3-3 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทั้งที่นำห่างถึง 2-0 
– แพ้ เชฟฯ ยูไนเต็ด แบบคาบ้านซะอย่างนั้น ในขณะที่ตัวเองนำเป็นจ่าฝูงและกำลังลุ้นแชมป์แท้ๆ
– ถูก ลิเวอร์พูล บุกมาเหยียบจมูกถึงถิ่นจนมีส่วนช่วยให้คู่แค้นของตัวเองกลับชาติมาเกิดใหม่ 
ลองคิดดูนะครับว่าถ้าตัด “หงส์แดง” ออกจาก “ท็อปโฟร์” ได้สำเร็จ มันหมายถึงการตัดกำลัง (รายได้) คู่แข่งไปในตัว
– ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ หลังพ่าย เลสเตอร์ 1-3  
– แพ้ บียาร์เรอัล ในนัดชิงฯ ยูโรปา ลีก อย่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก

    2. ปราชัยในบ้านถึง 6 นัด

    แม้จะทำสถิตินอกบ้านสวยหรู ไร้พ่าย และโกยได้ถึง 43 แต้ม กลับกันดันทำทีมพลาดท่าพ่ายแพ้ในบ้าน 6 นัด รวมถึงเสมอแบบไม่น่าเสมอ สะสมได้แค่ 31 แต้มเท่านั้น

    ทีมที่จะพุ่งชนความสำเร็จในลีก คุณจำเป็นต้องโกยแต้มในบ้านตัวเองให้เป็นกอบเป็นกำมากที่สุด ลองคิดดูนะครับว่าถ้าเปลี่ยนความพ่ายแพ้แบบไม่น่าแพ้คาบ้านต่อ คริสตัล พาเลซ และ เชฟฯ ยูไนเต็ด เป็นชัยชนะ – เปลี่ยนความปราชัยในบ้านต่อ 
สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล เป็นเสมอ และไม่เอาชัยชนะในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ไปโยนทิ้งลงโถส้วม 

    แมนฯ ยูไนเต็ด จะเก็บได้เพิ่มอีกถึง 10 แต้ม

    นั่นหมายความว่าอย่างน้อยก็น่าจะบดบี้แย่งแชมป์กับ แมนฯ ซิตี้ อย่างเมามันมากขึ้น ไม่ใช่มอบตำแหน่งแชมป์ให้พวกเขาง่ายๆ 

    3. อารมณ์ร่วมในการคุมทีม

    อืมมมมม…เข้าใจครับว่ามันเป็นบุคลิกของผู้จัดการทีมแต่ละคนที่แตกต่างกัน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตอนเป็นกุมารน่าจะเป็นเด็กหน้าห้อง ออกแนวตุ๋มๆ ติ๋มๆ สุภาพ เรียบร้อย และขี้อาย ไม่ใช่กุนซือโรคจิตขี้โมโห ขี้หงุดหงิด ขี้โวยวาย และอยากกระโดดเตะหน้าคนตลอดเวลา 

    บางคนบอกผมว่าการเต้นแร้งเต้นกาอยู่ข้างสนาม หรือนั่งไขว่ห้างพลางกุมดาวเทียมกะโป๊กนิก มันก็มีค่าเท่ากันนั่นแหละ มันช่วยให้ทีมชนะไม่ได้หรอก อืมมมมม…นะ 

    แต่ลีลาการรำทวนรำหอกออกยั่วศึกของผู้จัดการทีม มันแสดงให้เห็นถึงอะไรที่พากย์ภาษาอังกฤษว่า “แพสชั่น” อันนำมาซึ่งความฮึกเหิมเช่นกัน

    อย่างน้อย แฟนบอลก็ชอบแบบนี้มากกว่า เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณรู้ร้อนรู้หนาว ไม่ได้นิ่งเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม

    4. จุดอ่อนที่แก้ไม่หาย

    ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ทนโท่ว่าลูกทีมมีจุดบกพร่องตรงไหน แต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ยังปล่อยให้เกิดความผิดพลาดจากจุดอ่อน ของตัวเองแบบซ้ำๆ ซากๆ 

    ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันลูกตั้งเตะที่เสียประตูจาก “เซ็ตพีซ” เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ “เพรสซิ่ง” ของคู่แข่งที่เวลาเจอบีบสูงพลางบี้ติดๆ เมื่อไหร่ก็มักจะไปไม่เป็น และเอาตัวไม่ค่อยรอด แถมเสียประตูจากการเซ็ตบอลหน้ากรอบเขตโทษตัวเองอยู่ 2-3 ครั้งเลยทีเดียว

    5. การตัดสินใจ

    เฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน ขอยกตัวอย่างจากเกมล่าสุด ก่อนการศึก กุนซือไวกิ้งกล้าพลิกโผ 11 ตัวจริง ตัวการขยับ ปอล ป็อกบา เข้ามาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับ สก๊อตต์ แม็คโทนิเนย์ เพื่อจะใส่ผู้เล่นที่มีความปราดเปรียวไว้ตรงริมเส้นทั้ง 2 ข้าง ชัดเจนว่าเน้นเกมรุก เพื่อเผด็จศึกให้ได้ใน 90 นาที 

    ทว่าพลพรรคปีศาจแดงกลับลงไปเล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ ขัดแย้งกับการจัด 11 ตัวจริงยิ่งนัก ต่อเมื่อมันไม่เวิร์คก็ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนั้นโดยไม่กล้าแก้ไข ด้วยการเปลี่ยนตัว 

    ไม่กล้าเปลี่ยน ดาบิด เด เคอา เพื่อส่ง ดีน เฮนเดอร์สัน ลงไปเซฟจุดโทษ ไม่กล้าแม้กระทั่งถอดนักเตะที่ไม่มีประโยชน์อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ออก เหตุเพราะเกรงใจลูกทีมมากเกินไป เหตุเพราะไม่เชื่อใจในขุมกำลังสำรอง 

    อย่าลืมว่ากรรมคือผลที่เกิดจากการกระทำ ผลการแข่งขันและฟอร์มการเล่นนี่แหละที่เป็นดัชนีชี้ว่าการกระทำและการตัดสินใจของผู้จัดการทีมนั้นถูกหรือผิด ถ้าทีมชนะ คุณก็ได้รับคำชม ถ้าทีมแพ้ คุณก็ต้องโดนตำหนิ  เท่านั้นเอง เท่านั้นเองจริงๆ 

    ต่อเมื่อเอาความดีและความผิดมาวางบนตาชั่งแห่งความยุติธรรม คุณจะพบว่าตาชั่งมันไม่ได้เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งแบบกะเท่เร่ มิเท่านั้น 

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้รับประสบการณ์อันมีค่าในการคุมทีมเพิ่มมากขึ้นอีก 1 ฤดูกาล ถือเป็น “บทเรียน” ที่นำไปปรับปรุงและแก้ไขให้มันดีขึ้นในภายภาคหน้า

    คำพิพากษา

    ก่อนตัดสินขอบอกว่าในฐานะคนข่าวและคอลัมนิสต์ลูกหนังที่มีหน้าที่วิเคราะห์และวิจารณ์ด้วยความเป็นกลาง ผมแอบเอาใจช่วย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นพิเศษด้วยพิศวาส โทษฐานที่คุณพี่เขาเป็นลูกหม้อของปีศาจแดง 

    อย่างไรก็ตาม คำวิพากษ์วิจารณ์ตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นไปตามความจริงที่บังเกิดขึ้นบนฟลอร์หญ้าอย่างตรงไปตรงมา เมื่อมีความผิดพลาดก็ตำหนิ และชี้ให้เห็นถึงจุดบกพร่อง เมื่อมีความดีความชอบก็ชื่นชมไปตามเนื้อผ้า โดยปราศจากอคติใดๆ ทั้งสิ้น

    ความจริงความปราชัยในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก สามารถทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ถูกปลดออกจากตำแหน่งแบบไม่มีข้อแก้ตัวได้เลยนะครับ เพราะชื่อชั้นและศักดิ์ศรี รวมถึงศักยภาพผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่าคู่ขับเคี่ยวของพวกเขาในรายการนี้ทั้งหมดจนไม่อนุญาตให้ผลเป็นอื่น นอกจากแชมป์เท่านั้น 

    คิดง่ายๆ ว่าถ้าเป็นทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส หรือ เชลซี โอกาสที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะโดนถีบตกเก้าอี้สังเวยความผิดมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง

    โชคดีที่วัฒนธรรมองค์กรของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นแตกต่างจากสโมสรอื่นๆ ด้วยบรูพกุนซืออย่าง เซอร์ แมตต์ บัสบี้ กับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยแสดงให้เห็นว่าสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ต้องสร้างทีมในระยะยาว เพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืน

    ในเมื่อผลงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด กระเตื้องขึ้น ฟอร์มการเล่นก็ไฉไลขึ้น แถมมีความกล้าได้กล้าเสียและมีความสร้างสรรค์มากขึ้น เพียงแต่ยังขาดผู้เล่นอีก 2-3 ตำแหน่งที่จะมาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบ ฉะนั้น & ฉะนี้

    ผมขอพิพากษาให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา สอบผ่านแบบหวุดหวิดสมควรวางตูดลายหนังไก่อยู่บนตำแหน่งพ่อใหญ่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อไป โดยมีข้อแม้ว่าฤดูกาลหน้าผลงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องโสภาและสถาพรมากกว่าเดิม 

    ที่สำคัญต้องมีแชมป์ที่จับต้องและสัมผัสได้แบบเป็นรูปธรรมอบ่างน้อย 1 รายการ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้พลาดอีกต่อไป 

    มิเช่นนั้นก็ไม่รู้แล้วล่ะว่ากู เอ๊ย! ข้าพเจ้าจะเอาอะไรมาเป็นข้อแก้ต่างให้กุนซือผู้คนนี้อีก ???

บอ.บู๋

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.