สิ้นสุดการรอคอยสำหรับ 137 ปี ในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังไม่เคยสัมผัสแชมป์บอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างเอฟเอ คัพ อังกฤษ หลังก่อนหน้านี้ทัพ “จิ้งจอกสยาม” ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศถึง 4 หน แต่ก็ไม่สามารถได้ชูถ้วยแชมป์ได้เลย
ครั้งสุดท้ายที่เลสเตอร์ผ่านเข้าชิงชนะเลิศก็คือในฤดูกาล 1968-1969 หรือเมื่อ 52 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในเกมนั้นพลาดท่าพ่ายให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 0-1
มาในซีซันนี้ “จิ้งจอกสยาม” ได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้ง ซึ่งคู่ต่อสู้ของเลสเตอร์ ก็ไม่ธรรมดา
เมื่อต้องเจอกับ “สิงห์บลู” ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักและกำลังมั่นใจ
พูดกันตรงๆ ตลอด 90 นาทีทางเชลซีเล่นได้ดีกว่าเลสเตอร์ ซิตี้อยู่พอสมควร แต่จังหวะลูกประตูชัยของยูริ ติเลมันส์ กองกลางทีมชาติเบลเยียม ซัดเข้าไปนั้น ต่อให้เป็นผู้รักษาประตูระดับโลกคนไหนก็ยากจะเซฟได้
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในลูกยิงที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วของลูก มุมองศาของลูกที่พุ่งไป ทุกอย่างพอเหมาะพอเจาะกันพอดี
ถ้าเป็นแถวบ้านของผู้เขียนก็จะเรียกลูกยิงแบบนี้ว่าเป็นลูกยิงแบบ “ผีจับยัด”
นอกจากติเลมันส์ ก็ต้องชื่นชมแคสเปอร์ ชไมเคิล จอมหนึบทีมชาติเดนมาร์ก อีกรายด้วย เพราะถ้าไม่มีชไมเคิล เซฟ 2 ลูกสุดท้ายของ เชลซี รับรองเลสเตอร์ ไม่ได้ฉลองอย่างนี้แน่นอน
โดยเฉพาะลูกโหม่งของเบน ชิลเวลล์ ที่จะเสียบเสาอยู่แล้ว แต่ชไมเคิล พุ่งไปปัดได้เพียงแค่ปลายนิ้ว
ขณะที่ลูกสองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะจังหวะนั้น เมสัน เมาท์ สับไกยิงเต็มข้อในกรอบเขตโทษ ใครเห็นก็ว่าเข้า แต่ชไมเคิลเซฟได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้มันจะดูยิงตรงตัวไปนิด แต่ความแรงไม่ใช่ว่าจะเซฟได้ง่ายๆ
บอกตรงๆด้วยฝีไม้ลายมือของชไมเคิล ในตอนนี้ แทบจะเดินตามรอยผู้เป็นพ่ออย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิล อดีตตำนานผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก้าวขึ้นมาเป็นยอดนายทวารระดับโลกได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับเลสเตอร์ การคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งนี้ถือว่าเป็นการสิ้นสุดการรอคอยของ “จิ้งจอกสยาม” ที่เฝ้ารอการคว้าแชมป์ถ้วยใบนี้มาเนิ่นนาน
ถ้วยเอฟเอ คัพ ถือว่าเป็นหนึ่งถ้วยที่คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ต้องการคว้ามาครองมากๆ เพราะเป็นถ้วยที่สโมสรแห่งนี้ยังไม่เคยได้ ซึ่ง “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายและผู้สืบทอดตำแหน่งประธานสโมสรฯ ก็สามารถทำได้สำเร็จแล้ว
ซึ่งตอนนี้เชื่อว่า “คุณวิชัย” น่าจะนั่งยิ้มอยู่บนฟ้าที่เห็นสโมสรที่เขารักทำในสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้สำเร็จ
สำหรับสโมสรแห่งนี้ถือว่าเป็น มรดกที่ยิ่งใหญ่ที่คุณวิชัยทิ้งไว้ให้คุณต๊อบเอาไว้สืบทอด ซึ่งก็ต้องขอชื่นชมว่า คุณอัยยวัฒน์นั้นทำได้ดีจริงๆ กับการก้าวขึ้นมาเป็นประธานสโมสร
ด้วยวัย 35 ปีที่ต้องเข้ามาบริหารงานกับสโมสรที่ยิ่งใหญ่แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งการทำให้ชาวต่างชาติยอมรับในความสามารถนั้นก็ยากขึ้นไปอีก
แต่ด้วยที่คุณต๊อบเดินตามรอยเท้าที่คุณวิชัยเดินเอาไว้แบบไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว
บริหารงานด้วยความเข้าใจ อะลุ่มอล่วยไม่เอา เรื่องเงินเป็นที่ตั้ง ให้ความสำคัญกับความรู้สึกมากกว่า
จึงไม่แปลกที่ “คุณต๊อบ” ตกเป็นที่รักของบรรดาชาวเมืองเลสเตอร์
สิ่งที่พ่อทิ้งเอาไว้ คุณต๊อบสานต่อได้อย่างยอดเยี่ยมและกำลังจะทำให้มันได้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ดีไม่ดีเราอาจจะเห็นเลสเตอร์กลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งก็เป็นได้.
มะระหวาน
This website uses cookies.