Football Sponsored

เดินหนีอย่างเดียว!อัฟรามยังไม่ตอบ-เมินขอโทษแฟนแมนยูเหมือนเดิม (มีคลิป) – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

อัฟราม เกลเซอร์ ประธานร่วมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่คิดที่จะตอบเกี่ยวกับเรื่องของทีมอยู่ดี และขนาดนักข่าวช่วยเปิดทางให้เขาได้ขอโทษแฟนบอล “ปีศาจแดง” เจ้าตัวก็ยังนิ่งเฉย

    อัฟราม เกลเซอร์ ประธานร่วมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงไม่ตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับเรื่องของ “ปีศาจแดง” และถึงแม้นักข่าวจะเปิดทางให้เขาได้ขอโทษกองเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่เจ้าตัวก็ไม่พูดอะไรทั้งนั้น

    อัฟราม กับ โจเอล น้องชายของเขาที่เป็นประธานร่วมของทีมเช่นกันนั้น โดนแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด เกลียดมานานแล้ว หลังจากที่เหล่า “เร้ด อาร์มี่” มองว่าตระกูลเกลเซอร์แค่เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมเพราะหวังเงินเป็นหลักและไม่ได้ให้ความสำคัญกับความสำเร็จของสโมสรมากเท่าที่ควร และการที่ทั้งคู่เคยคิดที่จะให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเล่นศึก ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ก็ทำให้กระแสต่อต้านจากแฟนบอลมันรุนแรงขึ้นไปอีกจนถึงขั้นมีกองเชียร์บางส่วนบุกลงไปในสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และทำให้เกมระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ในวันนั้นต้องโดนยกเลิกการแข่งขัน

    ที่จริงก่อนหน้านี้ โจเอล ออกมาแถลงการณ์ขอโทษเหล่าสาวกของทีมไปแล้ว แต่ อัฟราม นิ่งเงียบมาตลอด โดยก่อนหน้านี้มีนักข่าวจาก เดอะ มิร์เรอร์ ตามไปเจอเขาถึงรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา และพยายามจะสอบถามรวมถึงชวนให้เขาขอโทษแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด สักหน่อย แต่เจ้าตัวก็ไม่พูดอะไรทั้งนั้น

    กระทั่งล่าสุดก็มีนักข่าวหญิงจาก สกาย ที่ตามไปเจอ อัฟราม ถึงแดนลุงแซม โดยเธอเปิดประเด็นหลายอย่าง อาทิเช่น “มีอะไรจะพูดกับแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สักหน่อยไหมคะ มิสเตอร์ เกลเซอร์ ?”, “มันถึงเวลาที่จะขายทีมหรือยังคะ มิสเตอร์ เกลเซอร์ ?”, “จะไม่พูดอะไรเลยเหรอคะ ?”, “สำหรับคุณแล้วแฟนบอลเป็นแค่ลูกค้ารึเปล่าคะ ?”, “ลูกค้าเป็นฝ่ายถูกเสมอรึเปล่าคะ มิสเตอร์ เกลเซอร์ ?”, “จะไม่พูดอะไรกับแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สักหน่อยเหรอคะ มิสเตอร์ เกลเซอร์ นี่เป็นโอกาสดีสำหรับคุณเลยนะคะ ?” แต่อีกฝ่ายก็ไม่พูดอะไรเลย พร้อมกับขึ้นรถไป

    ทั้งนี้ นักข่าวหญิงคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยว่า “อาจจะลองขอโทษสักหน่อยไหมคะ ?” แต่นักธุรกิจวัย 60 ปีก็ไม่พูดอะไรอยู่ดี ก่อนที่จะรัดเข็มขัดแล้วขับรถออกไป”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.