Football Sponsored

แม้ส่อวืดท็อป 4 “คลอปป์” ยันไม่ลาออก “ลิเวอร์พูล” เผยเหตุฟอร์มตก-หล่นที่ 9 พรีเมียร์ลีก

Football Sponsored
Football Sponsored

วันที่ 17 มกราคม 2566 เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ให้สัมภาษณ์ล่าสุดเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง ก่อนเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 นัดรีเพลย์ ซึ่งจะไปเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แข่งขันคืนนี้ 02.45 น. ตามเวลาประเทศไทย หลังจากเสมอกันมา 2-2 เมื่อวันที่ 7 มกราคม

คลอปป์ เริ่มเจอกระแสกดดันอย่างหนัก หลังจาก ลิเวอร์พูล ฟอร์มตกอย่างน่าใจหายในฤดูกาลนี้ จนล่าสุดหล่นไปอยู่อันดับ 9 ของพรีเมียร์ลีก มี 28 คะแนนจาก 18 นัด ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 4 ในพื้นที่สุดท้ายของโควตาที่จะได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ถึง 10 แต้ม และตามหลังจ่าฝูง อาร์เซนอล ถึง 19 คะแนน

อย่างไรก็ตาม คลอปป์ ที่เพิ่งต่อสัญญาจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2026 ออกมายืนยันว่ายังไม่คิดลาออกในตอนนี้ โดยกล่าวว่า “ไม่ว่าตำแหน่งผู้จัดการทีมจะเปลี่ยนไป หรืออะไรหลายๆ อย่างจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าไม่มีใครบอกผมว่าจะต้องออกไปผมก็จะไม่ไป นั่นหมายความว่าอาจจะมีจุดอื่นๆ ที่เราต้องเปลี่ยนแปลง แล้วเรามาดูกันอีกที แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต เช่นในช่วงซัมเมอร์หรืออะไรก็ตาม แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ผมมีเวลาคิดเรื่องนี้ แต่ก่อนอื่นเราต้องเล่นฟุตบอลให้ดีกว่านี้”

ส่วนปัญหาเรื่องการยึดติดกับตัวผู้เล่นหน้าเดิมๆ บางคน กุนซือลิเวอร์พูล อธิบายว่า “ผมไม่ได้ยึดติดกับเรื่องนั้นมากเกินไป แต่ปัญหามันซับซ้อนกว่าที่คิด คุณมีนักเตะที่ดีซึ่งเคยทำหลายสิ่งที่ดีๆ ในอดีต และจากนั้นในใจของคุณก็คิดว่าบางทีอาจหมดเวลาของเขาแล้ว ถ้าคุณสามารถปล่อยผู้เล่นออกไปแล้วหาอีกคนเข้ามาแทนได้ มันก็สมเหตุสมผล แต่ถ้าไม่สามารถดึงใครเข้ามาได้ และไม่สามารถปล่อยใครออกไปได้ นั่นคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”

ขณะที่ประเด็นนักเตะลิเวอร์พูล เริ่มไม่ฟังคำสั่งของเขาแล้ว คลอปป์ ก็ตอบว่า “ผมไม่เคยเจอสถานการณ์ทำนองนี้บ่อยนัก แต่ผมรู้ว่ามันทำงานอย่างไรเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปด้วยดี มีหลายสิ่งที่คุณอาจต้องเจอ หนึ่งในนั้นก็คือ นักเตะไม่ฟังโค้ชอีกต่อไป”

“ผมเข้าใจว่าบางครั้งมันก็เป็นแบบนี้ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ทุกคนรู้สึกถึงความรับผิดชอบ ไม่มีใครนั่งอยู่เฉยๆ แล้วคิดว่า ‘ผมสบายดี แต่เขาไม่ใช่’ มันไม่เป็นแบบนั้น ซึ่งผมยังไม่เห็น ไม่ได้ยินเรื่องแบบนั้น ถ้าผู้เล่นเกิดมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ นั่นคือช่วงเวลาที่ปัญหาที่แท้จริงได้เริ่มขึ้นแล้ว”

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.