ข่าวลิเวอร์พูล คว้าตัวโคดี้ กัคโป มาร่วมทีมนั้นกลายเป็นเรื่องช็อครับวันนัดบ็อกซิ่ง เดย์ ในโลกของการย้ายทีม ทั้งนี้ดาวเตะของพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงหนักมากกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม แต่ผู้บริหารของยอดทีมแห่งแอนฟิลด์ทำงานอย่างรวดเร็วในช่วงเทศกาลเพื่อคว้าลายเซ็นนักเตะที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงรายนี้ ทำเอาแฟนๆ ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างรวดเร็ว แต่บางทีหากสาวกผีแดงตั้งใจฟังเจอร์เก้น คล็อปป์ และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ให้ดีๆ พวกเขาก็อาจจะเอะใจได้ว่าเรื่องนี้มีการเตรียมการมาอย่างดี
บุคคลสองคนที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของลิเวอร์พูลในการไล่ล่ากัคโป ด้วยข้อตกลงมูลค่ารวม 51 ล้านยูโร (45 ล้านปอนด์) ก็คือคล็อปป์ และ ฟาน ไดจ์ค ที่ได้พูดเป็นนัยถึงการมาถึงของกองหน้าชาวดัตช์เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 โดยก่อนเกมพรีเมียร์ ลีก เกมนี้ คล็อปป์เปิดเผยว่าหงส์แดงพร้อมที่จะทำข้อตกลงที่ “เป็นบวกมากๆ” อีกครั้งในเดือนหน้า ซึ่งก็คล้ายๆ กับตอนที่พวกเขาคว้าตัวหลุยส์ ดิอาซ ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ในเดือนมกราคมปีนี้ที่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ฤดูกาลที่แล้ว เรามีหลุยส์ ดิอาซ เข้ามา ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับช่วงนั้นของฤดูกาล ทุกคนจะได้เห็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน” ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ผู้ซึ่ง Mirror Football เข้าใจว่าอยู่เบื้องหลังการย้ายทีมของกัคโปอธิบายในการแถลงข่าวก่อนเกม “แต่การทำอะไรอีกครั้งที่เป็นบวกมากๆ – ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” และหลังจากเอาชนะแอสตัน วิลล่า 3-1 ฟาน ไดจ์ค ก็อ้าแขนรับนักเตะที่จะเซ็นสัญญาใหม่ที่แอนฟิลด์คล้ายกับรู้ดีว่าใครกำลังจะเข้ามา “หวังว่าผู้เล่นที่บาดเจ็บจะกลับมาในเร็วๆ นี้ และหวังว่าเราจะได้ต้อนรับนักเตะใหม่ที่สโมสรฟุตบอลของเรา” ฟาน ไดจ์ค กล่าวกับ Viaplay หลังจบเกม “เราจะรอดูกัน ผมคิดว่าคุณภาพแบบนั้นจะเป็นที่ยินดีต้อนรับเสมอที่ลิเวอร์พูล”
เซ็นเตอร์แบ็คหงส์แดงเพิ่งใช้เวลาส่วนที่ดีที่สุดของเดือนในฐานะเพื่อนร่วมทีมของกัคโปในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในฟุตบอลโลก และในกาตาร์นี่เองที่เขาโน้มน้าวให้แข้งวัย 23 ปีเข้าร่วมทีมกับเขาที่เมอร์ซีย์ไซด์ ภายในเวลาสามชั่วโมงหลังจากความเห็นของดาวเตะชาวดัตช์ที่วิลล่า พาร์ค ก็มีข่าวที่ได้รับการยืนยันว่ากัคโปกำลังมุ่งหน้าไปยังลิเวอร์พูลเพื่อรับการตรวจร่างกาย ฟาน ไดจ์ค คิดว่าเพื่อนร่วมชาติของเขามีคุณสมบัติที่จะเป็นดาวเด่นให้กับหงส์แดงได้อย่างแน่นอน เขายิงให้สโมสรและทีมชาติไปแล้ว 18 ประตูในฤดูกาลนี้ รวมถึงทำแอสซิสต์อีก 18 ครั้ง
“ผมคิดว่าเขามีก้าวต่อไปในตัวเขาอย่างแน่นอน ผมรู้สึกว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นในฤดูหนาว, ฤดูร้อน หรือปีหน้า เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์” ปราการหลังลิเวอร์พูลพูดถึงกัคโปในทีมชาติเมื่อไม่นานนี้ “เขาเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมที่ทำงานหนัก, มีพรสวรรค์มากๆ และมีอะไรมากกว่านี้ในตัวเขา เรายินดีมากที่เขาทำผลงานได้ดีให้กับเรา ขอให้เป็นเช่นนี้ต่อไป”
ยังมีรายงานข่าวที่เน้นย้ำอีกว่ากองหลังลิเวอร์พูลรายนี้เป็นคนช่วยโน้มน้าวใจให้เพื่อนร่วมทีมชาติของเขาย้ายมาร่วมสโมสรแห่งทีมพรีเมียร์ ลีก โดยมีการอ้างว่า ฟาน ไดจ์ค ได้พูดคุยกับดาวดังของพีเอสวีและช่วยขับเคลื่อนการย้ายไปแอนฟิลด์แม้จะได้รับความสนใจจากคู่แข่งร่วมลีกก็ตาม จากข้อมูลของ Eindhovens Dagblad ฟาน ไดจ์ค ได้ติดต่อกับกัคโปและโน้มน้าวให้ปีกรายนี้มาร่วมทีมกับตนท่ามกลางความสนใจที่เพิ่มขึ้นในตัวนักเตะวัย 23 ปี แหล่งข่าวอ้างว่าการสนทนาระหว่างดาวเตะฮอลแลนด์ทั้งสองเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้กัคโปย้ายมาร่วมทีมของคล็อปป์
ส่วนอีกเหตุผลที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดในตัวกัคโปนั้นก็เพราะว่าลิเวอร์พูลดำเนินการอย่างรวดเร็วสำหรับข้อตกลงกับแข้งรายนี้โดยที่ปีศาจแดงยังไม่ได้เริ่มกำหนดข้อเสนออย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมีข่าวว่ามีบางส่วนในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่ไม่เชื่อมั่นในตัวดาวเตะพีเอสวี โดย BBC Sport รายงานว่าทีมแมวมองของถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ‘ไม่เคยเชื่อมั่น’ เกี่ยวกับระดับการพัฒนาของปีกรายนี้และลังเลที่จะจ่ายค่าตัวตามที่พีเอสวีร้องขอ แม้ว่ากัคโปจะทำ 9 ประตูและอีก 12 แอสซิสต์จากการปรากฏตัวเพียง 14 ครั้งในเอเรอดีวีซี ฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับการทำ 3 ประตูในฟุตบอลโลก แต่ก็ยังคงมีเครื่องหมายคำถามอยู่บ้างเกี่ยวกับความสามารถของเขาในการก้าวไปเล่นในพรีเมียร์ ลีก
Daily Mail ยังรายงานว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับการยื่นข้อเสนอครั้งแรกสำหรับกัคโปและรู้สึกว่าการประเมินมูลค่า 44 ล้านปอนด์โดยที่ลิเวอร์พูลต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมอีก 7 ล้านปอนด์ในส่วนของแอดออนส์นั้นสูงเกินจริง ตอนที่ปีศาจแดงสนใจนักเตะรายนี้เมื่อช่วงซัมเมอร์ พวกเขาประเมินค่าตัวของกัคโปไว้ที่เกือบ 30 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขคร่าวๆ ที่เซาธ์แฮมป์ตันและลีดส์ตกลงกับพีเอสวีเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ปัญหาอีกประการหนึ่งก็คือสถานการณ์นอกสนามในปัจจุบันของสโมสร เมื่อเกลเซอร์ไม่เต็มใจที่จะลงทุนหนักๆ ในตลาดนักเตะขณะที่พวกเขาอยู่ในช่วงขายสโมสร ด้วยเหตุนี้ แมนฯ ยูไนเต็ดจึงมีแนวโน้มที่จะเซ็นสัญญายืมตัวเท่านั้นในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งนั่นไม่ใช่ทางเลือกของกัคโปดังนั้นลิเวอร์พูลจึงโฉบเข้ามา
ที่มาของภาพ: gettyimages.com
This website uses cookies.