Football Sponsored

WARRIX เทรดสนั่น! ลุ้นวิ่งทะลุ 8 บาท ชูจุดแข็งแบรนด์ “อุปกรณ์กีฬา” ชั้นนำ

Football Sponsored
Football Sponsored

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ธ.ค.65) หลักทรัพย์ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX เตรียมเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใต้กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “WARRIX”

โดย WARRIX ประกอบธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ “วอริกซ์” และอุปกรณ์กีฬา โดยบริษัทได้รับสิทธิ์เป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าฟุตบอลทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน สินค้าเสื้อผ้าของบริษัทแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สินค้า Licensed Product ประกอบด้วย สินค้าเกี่ยวกับกีฬาทีมชาติ สินค้าสโมสรฟุตบอล เป็นต้น และสินค้า Non-Licensed Product

ประกอบด้วย สินค้าคอลเลคชั่น สินค้าคลาสสิค สินค้าทำตามคำสั่ง เป็นต้น ในปี 2564 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากสินค้า Non-Licensed Product และสินค้า Licensed Product คิดเป็นร้อยละ 78:22 โดยบริษัทมีช่องทางจำหน่าย ได้แก่ ร้านค้าของบริษัท ห้างสรรพสินค้า งานโครงการ ช่องทางออนไลน์ สัญญาตามสัญญาสนับสนุน เป็นต้น

ทั้งนี้บริษัทจะมีการจัดซื้อสินค้าเสื้อผ้าจากผู้ผลิตภายในประเทศประมาณ 7 ราย โดยมีการควบคุมคุณภาพและมีศักยภาพในการส่งมอบสินค้าให้บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในปี 2563 บริษัทได้เริ่มขยายสู่การให้บริการด้านสุขภาพในเขตกรุงเทพฯ โดยเปิดคลินิกกายภาพบำบัด บริเวณสเตเดี้ยมวัน และเดือนตุลาคมปี 2565 ได้เปิดศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

โดย WARRIX มีทุนชำระหลังเสนอขาย 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 420 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 180 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลและผู้ลงทุนสถาบันตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 135 ล้านหุ้นเสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 27 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท 18 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 6 – 8 ธันวาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 6.30 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,134 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,780 ล้านบาท

ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WARRIX เปิดเผยว่า บริษัทก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Brand) ขยายจากกลุ่มนักกีฬาและแฟนกีฬา ไปยังเยาวชน กลุ่มคนทุกเพศทุกวัย โดยเน้นในเรื่องของกีฬา สุขภาพและไลฟ์สไตล์ ภายใต้เป้าหมายที่จะพัฒนาแบรนด์ไทยสู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทจะนำไปใช้ในการลงทุนโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และสำนักงานบริเวณถนนพระราม 9 ตลอดจนเป็นเงินทุนหมุนเวียน

โดย WARRIX มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือกลุ่มคุณวิศัลย์ถือหุ้นร้อยละ 64.32 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท

ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ WARRIX ปี 66 ที่ 8.50 บาท/หุ้น ด้วยวิธี PE ที่ 27 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลังของบริษัทจดทะเบียนฯที่ประกอบธุรกิจลักษณะใกล้เคียงกัน โดย WARRIX มีความน่าสนใจ อาทิ 1.เป็น Brand ไทย คุณภาพ World Class โดยบริษัทสร้าง Brand Awareness จากการเป็นผู้สนับสนุนเสื้อผ้าฟุตบอลทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 60 จนถึงปัจจุบัน และขยายไปสู่เสื้อผ้ากีฬาชนิดอื่นๆ โดยผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเส้นใยและการพัฒนาเนื้อผ้า ให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนาระดับโลก

2.มีการใช้เทคโนโลยีช่วยพัฒนาการขาย จัดการสินค้าคงเหลือ ลดการเกิด Dead stock และทำกลยุทธ์ด้านราคาขายได้ดีขึ้น 3.คาดการณ์กำไรสุทธิปี 65-67 เติบโตราว 166% ต่อปี (CAGR) ปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดเมือง จัดงานแข่งกีฬาได้ตามปกติ รวมถึงการออกสินค้าใหม่และการปรับราคาหนุนมาร์จิ้น

โดยในปี 65-67 คาดกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท / 190 ล้านบาท / 260 ล้านบาท ตามลำดับ หรือเติบโตเฉลี่ย 166% ต่อปี  มีปัจจัยผลักดัน จาก 1.คาดรายได้จากการขายและบริการปี 65-67 ราว 1,020 ล้านบาท / 1,320 ล้านบาท และ 1,755 ล้านบาท ตามลำดับ หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 39% ต่อปี ฟื้นตัวจากปี 64 จากสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลาย การกลับมาออกกาลังนอกสถานที่ การจัดการแข่งขันกีฬาระดับประเทศ รวมถึงงานกิจกรรมต่างๆ กลับมาเป็นปกติ

2.คาดอัตรากาไรขั้นต้นปี 65-67 ที่ 45.5% / 47.0% และ 47.0% ตามลำดับ เนื่องจากคาดว่าจะมีความต้องการสินค้ามากขึ้น การเกิด Economy of scale อีกทั้งการออกสินค้าใหม่ตามฤดูกาล รวมถึงการปรับราคาขายเป็นระยะ 3.คาด SG&A/sales ในปี 65-67 จะมีสัดส่วนราว 31.0% / 29.5% และ 29% ลดลงตามลำดับ เนื่องจากคาดไม่มีค่าใช้จ่ายย้ายคลังสินค้าดังเช่นในปี 64 และส่วนมากเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ซึ่งค่าใช้จ่ายมีการเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งต่ำกว่าอัตราการเติบโตของรายได้

พร้อมกันนี้ ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ WARRIX ปี 66 ที่ 8.50 บาท/หุ้น ด้วยวิธี PE 27 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลังของบริษัทจดทะเบียนฯที่ประกอบธุรกิจลักษณะใกล้เคียงกัน ได้แก่ SABINA และ RSP

โดย WARRIX มีความน่าสนใจ ได้แก่ 1.การเป็น Brand ไทย คุณภาพ World Class โดยบริษัทสร้าง Brand Awareness จากการเป็นผู้สนับสนุนเสื้อผ้าฟุตบอลทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 60 จนถึงปัจจุบัน และขยายไปสู่เสื้อผ้ากีฬาชนิดอื่นๆ ด้วยเช่น วิ่ง โยคะ เทเบิลเทนนิส บาสเกตบอล กอล์ฟ เป็นต้น

โดยผู้บริหารมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี จากครอบครัวประกอบธุรกิจโรงงานทอผ้า จึงมีทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในเรื่องนวัตกรรมเส้นใยและการพัฒนาเนื้อผ้า ให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก 2.การใช้เทคโนโลยี ระบบ Data Driven Transformation ในการพัฒนาการขาย การเชื่อมระบบ E-commerce และสามารถใช้วิเคราะห์ เพื่อบริหารจัดการสินค้าคงเหลือที่มีหลายแบบ หลายขนาดได้ดีขึ้น ซึ่งลดโอกาสการเกิด Dead stock ลง และทำกลยุทธ์ด้านราคาขายได้ดีขึ้น

3.คาดการณ์กำไรสุทธิปี 65-67 เติบโตราว 166% ต่อปี (CAGR) มีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของยอดขายเสื้อผ้าทั้งในกลุ่ม Licensed และ Non-Licensed จากความต้องการมากขึ้น หลังการเปิดเมือง สามารถกลับมาออกกาลังกายนอกสถานที่ รวมถึงการจัดงานแข่งขันกีฬาได้ตามปกติ ประกอบกับมีการปรับราคาขายขึ้นบางส่วน หนุนอัตรากาไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารส่วนมากเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ซึ่งเติบโตในอัตราเร่งน้อยกว่าการเติบโตของรายได้

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.