Football Sponsored

ญี่ปุ่น กับเป้าหมายสู่แชมป์ฟุตบอลโลก / แมวดำ

Football Sponsored
Football Sponsored

เผยแพร่:   ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ

ถึงแม้ว่าฟุตบอลโลก 2022 สำหรับทีมชาติญี่ปุ่น จะจบลงเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เหมือนที่หลายๆ ครั้งไปไกลสุดก็รอบนี้แหละ แต่ครั้งนี้ความรู้สึกกลับแตกต่างจากทุกครั้ง เพราะผลงานที่พวกเขาสร้างไว้มันยิ่งใหญ่เหลือเกิน จากการเอาชนะทีมแชมป์โลกถึง 2 ทีม คือ เยอรมนี กับ สเปน

ดังนั้นการกลับบ้านครั้งนี้ย่อมพิเศษกว่าครั้งไหนๆ เมื่อมีขบวนของแฟนบอลมารอต้อนรับนักเตะ “ซามูไรบลู” ไม่ต่างกับผู้ชนะที่สนามบินนาริตะ อบอุ่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

ความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้น ก็แพ้ให้กับ โครเอเชีย รองแชมป์ฟุตบอลโลก ครั้งก่อน ส่วนกับ คอสตาริก้า ก็เป็นเรื่องของแท็คติกที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวหลักเพื่อให้ได้พักหลังเกมหนักกับ เยอรมนี ก่อนบดชนะ สเปน นัดสุดท้ายรอบแรก

ถึงตอนนี้หวนไปนึกถึงแผนการระยะไกลของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ที่เคยประกาศไว้ เมื่อปี ค.ศ.2005 ว่าเป้าหมายของ “แผน 100 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของเจลีก” ด้วยการวางเป้าไว้ว่าภายในปี 2050 ทีมฟุตบอลญี่ปุ่น จะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก เรื่องนี้เขาแสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นไปได้ เห็นได้ชัดจากชัยชนะเหนือ สเปน และ เยอรมนี ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

ตอนนี้นักฟุตบอลญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งทีมไปค้าแข้งในต่างแดน โดยเฉพาะสโมสรในบุนเดสลีก้าที่เป็นสารตั้งต้นของผู้เล่นหลายราย ก่อนย้ายสู่ลีกที่ป๊อปปูล่ากว่าอย่าง อังกฤษ และ สเปน เมื่อฝีเท้าเข้าตาทีมใหญ่

แผนที่ว่าไม่ได้วางไว้ลอยๆ เหมือน “…แลนด์เวย์” ของบางประเทศ คือ เขามองภาพรวมทั้งหมด ไม่ว่าทีมชาติ และสโมสร ยกตัวอย่างก่อนหน้านี้ สโมสรฟุตบอลเจลีก ผูกติดกับบริษัทยักษ์ใหญ่ พอวิกฤติเศรษฐกิจเข้า บริษัทแม่ล้มครืน ทีมฟุตบอลล้มตาม เลยสั่งให้สโมสรไปเกี่ยวดองกับชุมชน และบริษัทท้องถิ่น เพื่อความยั่งยืนแทน

หรือแม้กระทั่งหากแผนการที่วางไว้ไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็สามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นมันได้ ด้วยการวิเคราะห์แนวทาง และหาทางออกที่เหมาะสม เขาต้องอดทนและรอคอยจนกว่าจะมาถึงวันนี้ และแผนที่ว่ามานี้ ยังครอบคลุมถึงการคว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนโลก และแชมป์ฟุตบอลชายหาดอีกด้วย ต้องยอมรับว่าวันนี้ ญี่ปุ่น ไปไกลจริงๆ

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.