Football Sponsored

แด่มิตรภาพที่ยาวนานสองตำนาน อาร์เซนอล “อาร์เตต้า – กาซอร์ล่า” – FEATURE

Football Sponsored
Football Sponsored

ซานติ กาซอร์ล่า (37 ปี สัญญาถึงกลางปี 2023) ยังคงมีความสุขดีกับชีวิตการเล่นฟุตบอลอาชีพที่เขาได้คืนกลับมาอีกครั้ง และไม่น่าเชื่อว่ามันผ่านมาแล้วถึง 4 ปี หลังกลับมาจากการผ่าตัดหลายครั้งที่ทำให้เขาเกือบต้องเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ

หนึ่งใน “พ่อมดลูกหนัง” ของวงการฟุตบอลสเปน ลงเล่นฟุตบอลในช่วงท้ายอาชีพกับสโมสร อัล ซาดด์ ในประเทศกาตาร์ ดินแดนที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 อย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า และแน่นอน ซานติ จะฉลองวันเกิดอายุครบ 38 ปี ในช่วงเวลาที่ฟุตบอลโลกดำเนินการแข่งขันอยู่ 

Al Sadd v Al Arabi – Emir Cup Final / Simon Holmes/GettyImages

ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2016 ในเกมที่อาร์เซนอล เปิดบ้านพบกับ ลูโดโกเรตส์ ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนั่นคือเกมสุดท้ายก่อนอาการบาดเจ็บจะมาถามหาเขา และเริ่มต้นวิบากกรรมอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายที่ต้องผ่าตัดถึง 10 ครั้ง รวมถึงการติดเชื้อในข้อเท้าที่เกิดจากการผ่าตัดที่ทำให้เขาเกือบต้องเสียข้อเท้าของเขาไป จนสุดท้ายเขากลับมาได้ด้วยการการเสียกล้ามเนื้อและผิวหนังบางส่วนที่แขนเพื่อนำไปปลูกถ่ายบริเวณข้อเท้าของตนเอง และกลับมาลงเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง ในวันที่ทีมแพทย์เคยระบุว่า เขาควรดีใจที่หากยังเดินได้ แต่มาวันนี้เขายังคงเป็นนักเตะอาชีพ ซึ่งในปี 2022 เขายังคงเสียดายกับช่วงเวลาที่อาร์เซนอล ซึ่งเขามีช่วงเวลา 7 ปี กับทีมในแบบที่ฤดูกาลสุดท้ายกับทีมเขาไม่ได้ลงเล่นแม้แต่นาทีเดียว และนั่นคือการ “จบไม่สวย” สำหรับเขาที่เป็นหนึ่งในขวัญใจของสโมสรกับผลงานที่ยอดเยี่ยมของเจ้าตัว

บนวัย 37 ใกล้ครบ 38 ปี มันคงไม่แปลกใจแน่นอนถ้าจะได้เห็นข่าวการเลิกเล่นฟุตบอลของเขา หรือการประกาศการทำงานในวงการฟุตบอลในฐานะคนเบื้องหลัง ซึ่ง ซานติ ยืนยันกับสื่อในอังกฤษอย่าง เดลี เมล์ ซึ่งได้มีโอกาสสัมภาษณ์เขาว่า เขาเริ่มคิดถึงบทใหม่ของชีวิตไว้บ้างแล้ว เช่นเดียวกับที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า กาซอร์ล่า จะกลับมาที่อาร์เซนอล เพื่อร่วมงานกับ มิเคล อาร์เตต้า เพื่อนสนิทคนหนึ่งในวงการของเขา แต่ทุกอย่างก็ยังคงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น นอกจากที่ว่าเขายังคงคิดถึงอาร์เซนอลอยู่เสมอ และแน่นอนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนยังคงยอดเยี่ยม

“ผมเริ่มคิดถึงบทบาทใหม่ ๆ ของตัวเองบ้างแล้ว แต่ผมก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าผมจะเป็นโค้ช, ผู้ช่วยโค้ช หรือว่าเป็นผู้อำนวยการกีฬา หรืออะไร ผมแค่คิดถึงมันบ้างเท่านั้น ความฝันของผมยังคงอยากลงเล่นกับ อาร์เซนอล ให้มากกว่านั้น ลงเล่นกับทีมไปอีกหลายปี ผมยังคงหาโอกาสนั่งดูเกมการแข่งขันของทีม และแน่นอน ผมอยากกลับไปที่นั่น รอคอยว่าสักวันถ้าสโมสรยังคงคิดถึงผม และคิดว่าผมมีความสามารถพอจะช่วยเหลือะไรทีมได้ อย่างเช่นงานโค้ช หรือว่าผู้อำนวยการกีฬา” 

FBL-EUR-C1-ARSENAL-TRAINING / GLYN KIRK/GettyImages

“ผมยังคงจดจำได้ดีกับวันแรกของตัวเองกับอาร์เซนอล ที่นั่นต้อนรับผมดีมาก มิเคล อาร์เตต้า ช่วยเหลือผมมากกับวันแรกที่ผมสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้เลยในเวลานั้นผมสื่อสารได้ในบทสนทนาภาษาอังกฤษได้สองอย่างคือ ใช่ กับ หัวเราะ ผมทำได้แค่นี้แหละ แน่นอน มิเคล คือหนึ่งในเพื่อนสนิทของผมในวงการฟุตบอล ครอบครัวของเราสองคนสนิทกัน ต่อมาพอ นาโช่ มอนเรอัล ย้ายมาเล่นที่อาร์เซนอล เราก็หาเวลามานั่งดูเกม ลา ลีกา ผมได้ดูเกมกับพวกเขาเยอะขึ้นตอนที่เราพักจากอาการบาดเจ็บด้วยกัน ช่วงเวลานั้นล่ะที่ผมได้เห็นถึงความอยากจะเป็นโค้ชของเขา ยังไงน่ะเหรอ เขาวิเคราะห์มันทุกอย่างในเกมนี้ เคยถึงขั้นหยุดเกมและบอกผมว่า “นายเห็นอะไรไหม เห็นอะไรในจังหวะนั้นหรือเปล่า เราเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไหม เราจะแก้ไขอะไรได้ไหม” นั่นละขนาดนั้นเลย”

อาร์เตต้า รับบทบาทเป็นกัปตันทีมอาร์เซนอลต่อจาก โธมัส แวร์มาเลน ก่อนที่จะมารับตำแหน่งเต็มตัวในฤดูกาล 2014-2015 และรั้งในตำแหน่งสองปี ก่อนจะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ ซึ่งแน่นอน กาซอร์ล่า ยังได้กล่าวว่าในช่วงเวลานั้น อาร์เตต้า ยิ่งแสดงความชัดเจนเกี่ยวกับบุคลิกของความเป็นผู้นำ

“เขาเป็นกัปตันที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ เป็นผู้นำทีมที่บุคลิกชัดเจน เป็นตัวอย่างสำหรับคนอื่น เหมือนที่แจ็ค วิลเชียร์ เคยบอกไว้เขาเป็นคนตรงที่ซื่อสัตย์กับงาน”

“พวกเขาต้องการเวลาในการปรับตัว หลังการอำลาทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากในการรักษามาตรฐานความสำเร็จ แต่ผมคิดว่า มิเคล เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอาร์เซนอล เขารู้จักสโมสร เขารักสโมสร และเขารู้เรื่องของของทีมนี้ ผมคิดว่าตอนนี้อาร์เซนอลกำลังไปได้ดีมาก พวกเขามีนักเตะอายุน้อยความสามารถดีหลายคน ซาก้า, เออเดการ์ด, มาร์ติเนลลี่ และอีกหลายคนพวกเขามีอนาคตที่ดีรออยู่ แต่ผมชอบ กาเบรียล เฆซุส ที่สุดผมชอบชอบเขาตั้งแต่เขาเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้แล้ว แต่ตอนนี้เขาก้าวขึ้นมาอีกขั้นแล้ว เขาตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าเขาคือคนสำคัญสำหรับทีม และผมก็ไม่แปลกใจด้วยกับช่วงเวลาที่ผ่านมากับการเปลี่ยนแปลงทีม มิเคล ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับว่าคุณจะดังแค่ไหน เขาต้องการคนที่ทำงานเพื่อทีม และทำได้ในแบบที่เขาต้องการ”

FBL-ENG-PR-NEWCASTLE-ARSENAL / IAN MACNICOL/GettyImages

นอกจากนี้ กาซอร์ล่า ยังได้กล่าวเกี่ยวกับช่วงเวลา และความเห็นเกี่ยวกับอาร์เซนอล และบียาร์เรอัล สองสโมสรที่เขาใช้เวลาในการเล่นฟุตบอลมากที่สุด ซึ่งทั้งสองทีมผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมากมายในทีม โดยเฉพาะ อาร์เซนอล ซึ่งเขาเคยยิงประตูสุดสวยในเกมเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศในปี 2014 ที่ทำให้ทีมกลับมาโกงความตายแซงชนะ ฮัลล์ ซิตี้ 3-2 ในเกมชิงแชมป์

“มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลย ผมรักสโมสรแห่งนี้ รักทุกอย่าง และผมก็เสียใจที่ต้องออกจากทีม ไปพร้อมกับ อาร์แซน เวนเกอร์ ในปี 2018 ผมเสียใจมากที่เห็นเขาออกจากทีม แต่มันก็คือส่วนหนึ่งของชีวิต บางทีเราก็จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง และสำหรับอาร์แซน บางทีมันอาจจะถึงเวลาต้องหยุดแล้ว ผมไม่เคยลืมที่ผมต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรก อาร์แซน โทรหาผมและบอกกับผมว่า “คุณจะได้สัญญาใหม่เพิ่มอีกหนึ่งปี เพื่อเป็นกำลังใจในการมีสมาธิต่อการฟื้นฟูสภาพร่างกาย” นั่นคือสิ่งที่ผมจดจำไว้เสมอ แม้กระทั่งช่วงเวลาที่ผมต้องต่อสู้ในการรักษาตัวเขา และ มิเคล ยังคอยให้กำลังใจผมเสมอ”

หากพระอาทิตย์ขึ้นอันหมายถึงเช้าวันใหม่ การเป็นนักเตะอาชีพของ ซานติ กาซอร์ล่า นักฟุตบอลอาชีพบนวัย 37 ใกล้ 38 ปี ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าอีกไม่ช้านานการเปลี่ยนแปลงอันเป็นนิรันดร์ก็จะเกิดขึ้นกับเขา แค่เพียงว่ามันจะเมื่อไรเท่านั้นเอง

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.