Football Sponsored

ไม่สนแล้ว “เศรษฐีเบอร์ 1 อังกฤษ” เมินซื้อ “แมนยูฯ-ลิเวอร์พูล” เผยเหตุสุดเซอร์ไพรส์

Football Sponsored
Football Sponsored

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ออกมายืนยันล่าสุดว่า เขาไม่สนใจซื้อทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล 2 สโมสรชั้นนำของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกต่อไปแล้ว แม้รายหลังเพิ่งประกาศขายทีม ขณะที่รายแรกก็เคยมีข่าวลือว่าพร้อมรับฟังข้อเสนอจากกลุ่มทุนที่มีกำลังซื้อเช่นกัน หลังจากโดนแฟนบอลประท้วงอย่างต่อเนื่อง

เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ถือเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในสหราชอาณาจักร จากการเป็นเจ้าของและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อิเนออส (Ineos) บริษัทเคมีภัณฑ์ข้ามชาติของอังกฤษ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในกรุงลอนดอน โดยข้อมูลเมื่อปี 2564 ระบุว่าเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และมีรายงานทรัพย์สินส่วนตัวสูงถึง 12,000 ล้านปอนด์ (528,000 ล้านบาท)

สำหรับ อิเนออส ภายใต้การบริหารของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลถึง 2 แห่ง คือ นีซ ทีมดังในลีกเอิง ฝรั่งเศส และ โลซาน สปอร์ต ทีมในลีกรองของสวิตเซอร์แลนด์ ขณะที่เจ้าตัวเคยมีการเปิดเผยว่าเป็นสมาชิกตั๋วปีของ เชลซี และเป็นแฟนบอลแมนยูฯ อีกด้วย นอกจากนั้นยังเคยมีข่าวว่าสนใจเทคโอเวอร์ทั้ง “หงส์แดง” และ “ปิศาจแดง” เช่นกัน

แต่ล่าสุด โฆษกของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ที่เคยพลาดการเป็นเจ้าของทีมเชลซีให้กับ ท็อดด์ โบห์ลี ออกมาเผยกับ เทเลกราฟ สื่อดังเมืองผู้ดีถึงการล้มแผนซื้อทีม ลิเวอร์พูล และ แมนยูฯ ว่า “จุดยืนของเราพัฒนาขึ้นตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ และตอนนี้เรากำลังมุ่งความสนใจไปที่ นีซ และเพิ่มความทะเยอทะยานให้กับสโมสร เพื่อทำให้พวกเขาเป็นสโมสรชั้นนำของฝรั่งเศส เพื่อแข่งขันกับ เปแอสเช ให้ได้ และสิ่งนี้จะแสดงถึงคุณค่าในการลงทุนของเราได้ดีกว่าการซื้อสโมสรระดับท็อปในพรีเมียร์ลีก”

ทั้งนี้ อิเนออส ภายใต้การบริหารของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ได้ซื้อสโมสรนีซ เมื่อปี 2019 ด้วยมูลค่า 91 ล้านปอนด์ (3,913 ล้านบาท) โดยจบอันดับ 5 ลีกเอิง 2 ครั้งในซีซั่นแรกที่เข้ามา รวมถึงฤดูกาลล่าสุด ซึ่งตอนนี้ได้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่มดี

อย่างไรก็ตาม ลีกเอิง ฤดูกาลที่ผ่านมา นีซ ยังมีคะแนนตามหลัง เปแอสเช ที่ได้แชมป์ถึง 20 แต้ม ส่วนตอนนี้ นีซ ก็ยังอยู่อันดับ 9 ตามหลัง เปแอสเช จ่าฝูง 19 แต้ม.

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.