“หมอแท้จริง” ชื่นชมประธานฉลามชล​ลงดาบนักฟุตบอลเมาแล้วขับ​ ชี้นโยบายความปลอดภัยต้องมาก่อน

วันที่ 28 ต.ค.65 นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยถึง กรณีนักฟุตบอลทีมสโมสรชลบุรี เอฟซี เมาแล้วขับชนคนเสียชีวิตที่ถนนเลียบชายทะเล อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเสียงเรียกร้องให้ทางสโมสรดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับนักฟุตบอลคนดังกล่าว ซึ่งต่อมานายวิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรีเอฟซี ได้ออกมาแถลงว่าได้ยกเลิกสัญญากับนายวรวุฒิ สุขุนา นักฟุตบอลผู้ที่ไปก่อเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับที่ทำงานรณรงค์และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมากว่า 30 ปี ขอชื่นชมและขอขอบคุณประธานสโมสรชลบุรีเอฟซี นายวิทยา คุณปลื้ม ที่เห็นความสำคัญของนโยบายความปลอดภัยสาธารณะ ดำเนินการเรื่องทีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยยึดความถูกต้องมากกว่าผลประโยชน์ของสโมสรชลบุรีเอฟซี นับเป็นแบบอย่างที่ดีกับสโมสรกีฬาฟุตบอลอื่นๆ รวมถึงผู้บริหารในวงการอื่นๆ ด้วย

นายแพทย์แท้จริง เปิดเผยว่า ในอดีตมีบุคคลที่มีชื่อเสียงฝ่าฝืนกฎหมายเมาแล้วขับหลายคนได้รับการปกป้องช่วยเหลือให้พ้นผิดแต่ตนเชื่อว่าในปัจจุบันทำได้ยากเนื่องจากสังคมจับจ้องอยู่ ที่สำคัญผู้บริหารระดับสูงในองค์กรเห็นความสำคัญของปัญหาที่จะตามมาถ้ายังนิ่งเฉยเมื่อบุคลากรในองค์กรไปก่อเหตุ ส่งผลให้เกิดองค์กรธรรมาภิบาลด้านความปลอดภัยบนท้องถนนขึ้นหลายองค์กร อย่างไรก็ตามความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยอยู่ในขั้นวิกฤตที่ทุกองค์กรต้องหันมาร่วมมือกัน ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นอันดับ 9 ของโลก และติดอันดับ 1 ในทวีปเอเชีย จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องมาช่วยเหลือกันปฏิรูปความปลอดภัยบนท้องถนนให้เกิดขึ้น โดยเริ่มจากตัวเรา ครอบครัวเรา คนในองค์กรของเรา

ทั้งนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับพิจารณาแล้วเห็นว่า การจัดการกับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงบนท้องถนนจะมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ทุกคนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา โดยมูลนิธิเมาไม่ขับขอเชิญให้ทุกท่านร่วมเป็นอาสาตาจราจร ถ้าพบเห็นผู้ขับขี่รถที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นขอให้ท่านส่งคลิปพฤติกรรมดังกล่าวเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของท่าน และส่งมาที่ เพจอาสาตาจราจร ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับเชื่อว่าผู้ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นถ้ารู้ว่ามีสายตาจากประชาชนบนท้องถนนคอยจับจ้องอยู่จะไม่กล้ากระทำความผิด เพราะนอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วยังอาจได้รับผลกระทบต่อหน้าที่การงานและชื่อเสียงแบบที่ชาวโซเชียลพูดกันติดปากว่า “ทัวร์ลง”