Football Sponsored

นัดเดียวเปลี่ยนชีวิต เปิด 9 ตัวเต็ง “กุนซือพรีเมียร์ลีก” ตกงาน “คลอปป์” ติดโผด้วย

Football Sponsored
Football Sponsored

วันที่ 4 ตุลาคม 2565 สกาย เบ็ต บริษัทรับพนันถูกกฎหมายชื่อดังของอังกฤษ ออกอัตราต่อรองล่าสุดของผู้จัดการทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีโอกาสโดนไล่ออกเป็นรายต่อไป หลังจบเกมที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านชนะ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ 4-0 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม ทำให้ “จิ้งจอกสยาม” คว้าชัยครั้งแรกในฤดูกาลนี้ เก็บเพิ่มเป็น 4 คะแนน หลุดจากอันดับสุดท้ายขึ้นมาอยู่ที่ 19 แทน “เจ้าป่า” ที่จมบ๊วยแทน แม้มี 4 แต้มเท่ากัน แต่ประตูได้-เสียเป็นรอง (เลสเตอร์ -8 / ฟอเรสต์ -15)

ฤดูกาลนี้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีผู้จัดการทีมที่ต้องตกงานไปแล้ว 3 ราย ประกอบด้วย สกอตต์ พาร์คเกอร์ (บอร์นมัธ), โธมัส ทูเคิล (เชลซี) และล่าสุดเป็น บรูโน ลาจ (วูล์ฟแฮมป์ตัน) หลังพาทีมแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-2 จนหล่นลงมาอยู่ในโซนตกชั้น อันดับ 18 มีเพียง 6 คะแนน

ก่อนหน้านี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ ถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ที่จะโดนปลด แต่หลังจบเกมมันเดย์ไนต์ด้วยชัยชนะ ทำให้ สตีฟ คูเปอร์ ผู้จัดการทีมนอตติงแฮม ฟอเรสต์ ได้รับการปรับให้เป็นคนที่มีโอกาสตกงานมากที่สุดแทน หลังใช้งบเสริมทัพในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ถึง 152.9 ล้านปอนด์ (6,574.7 ล้านบาท) มากที่สุดเป็นอันดับ 5 ในบรรดาทั้ง 20 ทีม ได้นักเตะมา 22 คน แต่กลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง

ส่วน เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ก็ถูกจัดให้เป็นเต็ง 9 ด้วย หลังจากเก็บได้เพียง 10 คะแนน จาก 7 นัด พาทีมหล่นมาอยู่อันดับที่ 9 ของพรีเมียร์ลีก ตามหลังจ่าฝูง อาร์เซนอล ถึง 11 แต้ม

อัตราต่อรองล่าสุดของผู้จัดการทีมที่มีโอกาสโดนไล่ออก (โดย สกาย เบ็ต)

1. สตีฟ คูเปอร์ (นอตติงแฮม ฟอเรสต์) อัตราต่อรอง 2/9

2. ราล์ฟ ฮาเซนฮุตเทิล (เซาแธมป์ตัน) อัตราต่อรอง 7/1

4. สตีเวน เจอร์ราร์ด (แอสตัน วิลลา) อัตราต่อรอง 12/1

5. เดวิด มอยส์ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด) อัตราต่อรอง 20/1

6. แฟรงค์ แลมพาร์ด (เอฟเวอร์ตัน) อัตราต่อรอง 20/1

7. เจสซี มาร์ช (ลีดส์ ยูไนเต็ด) อัตราต่อรอง 20/1

8. โรแบร์โต เด แซร์บี (ไบรจ์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน) อัตราต่อรอง 20/1

9. เยอร์เกน คลอปป์ (ลิเวอร์พูล) อัตราต่อรอง 22/1

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.