Football Sponsored

'โอเดการ์ด' สุดภูมิใจรับบทกัปตันทัพ 'ปืนใหญ่' ลุยซีซั่นใหม่

Football Sponsored
Football Sponsored

มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมคนใหม่ของอาร์เซน่อล ภูมิใจและเป็นเกียรติที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำทีมแข้งปืนโต พร้อมเห็นด้วยกับ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม ที่บอกว่าทุกคนภายในทีมต้องเป็นผู้นำร่วมกันด้วย

มาร์ติน โอเดการ์ด กองกลาง อาร์เซน่อล ยอมรับว่า รู้สึกภูมิใจอย่างมากที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีม ปืนใหญ่ คนใหม่ แต่ยืนยันว่า ความเป็นผู้นำไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของเขาคนเดียวเหมือนอย่างที่ มิเกล อาร์เตต้า นายใหญ่บอกไว้ แต่ทุกคนก็ต้องช่วยกันและทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสโมสร เพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

ดาวเตะวัย 23 ปี  ย้ายจาก เรอัล มาดริด มาอยู่ในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อเดือนมกราคม ปี 2021 ก่อนที่จะทำผลงานได้อย่างน่าพอใจจนทัพ ปืนโต ซื้อร่วมทีมถาวรด้วยค่าตัวราว 30 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,320 ล้านบาท โดยลงเล่นไปแล้ว 60 เกมในทุกรายการ ทำได้ 9 ประตู

โอเดการ์ด จะได้สวมปลอกแขนต่อจาก อเลซ็องดร์ ลากาแซตต์ กองหน้าจอมเก๋าชาวฝรั่งเศส ที่เพิ่งอำลาทีมกลับไปเล่นให้ โอลิมปิก ลียง ต้นสังกัดเก่าในลีกเอิง ฝรั่งเศส แบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาแสดงความปลื้มใจไม่ใช่น้อยที่จะได้เป็นผู้นำทัพในซีซั่น 2022-2023  

” นับเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม และผมภูมิใจมากที่ได้เป็นกัปตันของสโมสรฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมแห่งนี้ ”  แข้งนอร์วีเจี้ยน กล่าวกับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร ” แน่นอนว่าผมมีความสุข ภูมิใจ และขอบคุณสำหรับความไว้วางใจ เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม และเป็นเรื่องดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ดี ดังนั้นผมจะสนุกไปกับการรับตำแหน่งนี้ “

อย่างไรก็ตาม มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของ เดอะ กันเนอร์ส พูดถึงความจำเป็นในการเป็นผู้นำร่วมกัน และ โอเดการ์ด ก็เห็นด้วย โดยกล่าวว่า แน่นอน สิ่งสำคัญคือต้องเป็นผู้นำ ไม่ใช่แค่ตนเองหรือคนไม่กี่คน แต่คิดว่าทุกคนภายในทีมจำเป็นต้องเป็นผู้นำด้วย และทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม ดังนั้นทุกคนต้องทำอย่างนั้นร่วมกัน

  • แฟนพันธุ์แท้ปืนจวกคำพูดปลุกใจอาร์เตต้าก่อนเกมนอริช ‘สุดแปลก’
  • ปืนมีข้อกังวล1อย่างในตัวทีเลมันส์ท่ามกลางความสนใจจากผี
  • เอดูเผยปืนใกล้เคียงแค่ไหนกับการเซ็นแข้ง55ลป.ของบาร์ซ่า
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.