Football Sponsored

นี่’ฉ่วย’นะค้าบ! ‘โค้ชหนองบัว’การันตี ขึ้นไทยลีกไม่มีตกชั้น

Football Sponsored
Football Sponsored

ฮัลโหลไทยลีก! “น้าฉ่วย” รับประกัน “หนองบัว พิชญ” ไม่มีตกชั้นแน่นอน ลั่นประวัติไม่มีด่างพร้อย พร้อมชนทีมยักษ์ แต่ก่อนอื่นขอปิดจ๊อบปีนี้ ด้วยแชมป์ไทยลีก 2 แบบ “ไร้พ่าย” ให้ได้

จันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 เวลา 07.47 น.

ฟุตบอลไทยลีก 2 “เอ็ม-150 แชมเปี้ยนชิพ” ได้ 2 ทีมที่การันตีขึ้นชั้นแล้ว คือ “พญาไก่ชน” หนองบัว พิชญ เอฟซี กับ “ช้างเผือก” เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่ต่างเอาชนะคู่แข่ง ทำแต้มทิ้งขาดจากอันดับ 3 ขณะเหลือ 3 นัด โดย หนองบัว ยังไม่แพ้ใคร มี 69 แต้ม ส่วน เชียงใหม่ ยูฯ มี 68 แต้ม ไปแย่งแชมป์กันต่อ ทั้ง 2 สโมสรจะเล่นลีกสูงสุดครั้งแรก ส่วนโควตาอีก 1 ที่ ทีมอันดับ 3-6 มาเพลย์ออฟ

สำหรับ “โค้ชฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม หัวหน้าโค้ชพญาไก่ชน หนองบัว พิชญ ที่พาทีมขึ้นลีกสูงสุด เป็นทีมที่ 3 ต่อจาก สมุทรสงคราม เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี รวมทั้งเป็นการกลับมาคุมทีมในไทยลีก 1 อีกครั้ง หลังจากล่าสุด คุมราชนาวี เมื่อฤดูกาล 2017 ก่อนย้ายไป ศรีสะเกษ เอฟซี ก็เกือบขึ้นชั้น แต่มาโดนตัด 12 แต้ม แล้วก็ย้ายมา หนองบัว พิชญ

น้าฉ่วย ให้สัมภาษณ์ “กีฬาเดลินิวส์” ว่า เป้าหมายใหญ่คือขึ้นชั้น ก็ทำได้สำเร็จแล้ว แต่ต้องลุยต่อไป 3 นัดที่เหลือ ทาง นายสุเทพ ภู่มงคลสุริยา ประธานสโมสร ก็หวังจะได้แชมป์ ซึ่งจะเป็นแชมป์แรกในชีวิตโค้ชของตนด้วย นอกจากนี้ตนหวังจะรักษาสถิติไร้พ่าย ซึ่งขวัญกำลังใจนักเตะก็ดี ประธานสโมสรมีอัดฉีดตลอด ชนะนัดละ 1 แสนบาท หรือถ้าทีมใหญ่ก็ 3 แสนบาท เป็นขวัญกำลังใจ

กุนซือรุ่นเก๋า กล่าวต่อไปว่า เรื่องตัวผู้เล่นในฤดูกาลหน้า เบื้องต้น คิดว่าจะคงชุดเดิมไว้ค่อนทีม ส่วนตัวต่างชาติ ระดับไทยลีก 1-2 มาตรฐานใกล้กัน อยู่ที่ว่าจะเข้ากับระบบหรือเปล่า สไตล์ก็อาจจะเปลี่ยนไป จากที่เล่นไทยลีก 2 หวังขึ้นชั้น ต้องชนะทุกนัด พอไปไทยลีก 1 จะเน้นแน่นอนขึ้น พร้อมเจอทีมใหญ่ทุกทีมอยู่แล้ว มั่นใจในแท็คติกตัวเอง ที่ผ่านมาคุมทีม และติดตามมาตลอด ผู้เล่น 60-70 เปอร์เซ็นต์ในไทยลีก 1 ก็คุ้นเคยดี

“ขึ้นไปปีแรก อาจกลัวกันว่าจะตกชั้นทันที ผมบอกเลยว่าไม่ตกแน่ หวังไว้ที่เลขตัวเดียว หรือกลางตาราง ส่วนตัวผมไม่เคยคุมทีมไหนตกชั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน” เทพฉ่วย กล่าว

คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่

  • เห็นด้วย

    100%

  • ไม่เห็นด้วย

    0%

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.