Football Sponsored

เริ่มชัด! บิ๊กดอร์ทมุนด์รับยากที่จะขวางทางแมนซิตี้ซิวฮาแลนด์

Football Sponsored
Football Sponsored

ฮันส์-โยอาคิม วัตซเค่อ ซีอีโอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รับสภาพ คงรั้ง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ไม่ไหว หาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้าสุดตัวด้วยกำลังเงินอันมหาศาล พร้อมคอนเฟิร์ม “เสือเหลือง” หาดาวดวงใหม่มาปลุกปั้นแน่ หาก ฮาแลนด์ ย้ายออกไป

    ฮันส์-โยอาคิม วัตซเค่อ ประธานบริหาร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากมากสำหรับสโมสรตน ที่จะรั้งตัว เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าคนเก่งชาวนอร์วีเจี้ยน ถ้าหาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยื่นข้อเสนอค่าจ้างสุดงามให้ตัวนักเตะ 

    ฮาแลนด์ ซึ่งมีเงื่อนไขสามารถย้ายทีมได้หลังจบฤดูกาลนี้ ที่ราคา 64 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,816 ล้านบาท) กำลังเป็นที่้ต้องการของหลายสโมสรชั้นนำ อาทิเช่น เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

    อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่า แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมเต็งที่จะได้ตัว ฮาแลนด์ ไปครอบครอง หลังมีรายงานข่าวว่า “เรือใบสีฟ้า” พร้อมจ่ายค่าเหนื่อยให้ ดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์วัย 21 ปี สูงถึงสัปดาห์ละ 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 22 ล้านบาท) เลยทีเดียว ซึ่งนั่นจะทำให้ ฮาแลนด์ กลายเป็นนักเตะที่รับค่าจ้างสูงสุดในเวที พรีเมียร์ลีก ทันที 

    “ผมเลิกตัดสินพวกข่าวลือจากบรรดาสื่อแล้ว มิเช่นนั้นวันๆ นึง ผมคงต้องมีเวลาสัก 36 ชั่วโมง” วัตซ์เค่อ กล่าว “ตอนนี้เราไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะจากฝั่งตัวนักเตะ หรือบรรดาสโมสรที่ให้ความสนใจ แต่เรารู้ดีว่า เราไม่สามารถสู้ในด้านการเงินได้ ถ้าหาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก้าวเข้ามา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ (โรเบิร์ต) เลวานดอฟสกี้ ตอนที่จะย้ายไป บาเยิร์น และ (ปิแอร์-เอเมอริค) โอบาเมย็อง ตอนย้ายไป อาร์เซน่อล”

    “เราเป็นสโมสรที่สร้างดาวดวงใหม่เสมอ ดังนั้นถ้า ฮาแลนด์ ย้ายออกไป เราก็จะหานักเตะเก่งๆ คนใหม่เข้ามา และปลุกปั้นเขาให้กลายเป็นสตาร์ดัง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีต่อ บุนเดสลีกา ด้วย” 

    ทั้งนี้ เชื่อกันว่า คาริม อเดเยมี่ หัวหอกดาวรุ่งทีมชาติเยอรมนีของ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก คือผู้เล่นที่ ดอร์ทมุนด์ เตรียมดึงมาแทน ฮาแลนด์

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.