Football Sponsored

ถ้าเกิดไม่เสริมแล้ว! ใครควรเป็นมิดฟิลด์ตัวจริงของแมนยูซีซั่นใหม่ – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

ถ้าพูดถึงขุมกำลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้แล้ว ตำแหน่งที่มีผู้เล่นมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “กองกลาง” ซึ่งสโมสรมีตั้งแต่ผู้เล่นระดับซีเนียร์อย่าง ฆวน มาต้า และ เนมานย่า มาติช ไปจนถึงผู้เล่นระดับดาวรุ่งที่น่าจับตามอง อาทิ อาหมัด ดิยัลโล่ และ ฟากุนโด้ เปยิสตรี อย่างไรก็ตามแม้จะมีมิดฟิลด์ล้นทีมแต่ปัญหาที่กุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คงปวดหัวไม่น้อยคือการเลือกว่าใครควรลงเล่นเป็นตัวจริง เนื่องจากทั้งฤดูกาลที่ผ่านมายังไม่มีใครโชว์ฟอร์มน่าประทับใจได้ตลอด

    ก่อนหน้านี้สื่อคาดการณ์กันว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เตรียมปรับเปลี่ยนแผนการเล่นมาเป็น 4-3-3 แต่ตลอดช่วงอุ่นเครื่องที่ผ่านมาดูเหมือนกุนซือก็ยังคงเลือกใช้ 4-2-3-1 เหมือนเดิม สำหรับแดนกลางผู้เล่นที่คาดว่าจะการันตีตัวจริงแน่นอนคือผู้เล่นริมเส้นอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจดอน ซานโช่ ทำให้เหลือกองกลางอีก 3 ตำแหน่ง เรามาดูกันว่าใครบ้างเหมาะสมจะเป็นตัวจริง

ปัญหาหลักของมิดฟิลด์

    แม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีประเด็นให้พูดถึงมากในแผงกองหลังเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ปัญหาที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง โซลชา มักจะเลือกใช้มิดฟิลด์เชิงรับ 2 คนคือ เฟร็ด และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ คอยป้องกันคู่เซนเตอร์แบ็กที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซึ่งมันกลายเป็นผลเสียสำหรับเกมรุก

    พวกเขาขาดตัวสร้างสรรค์เกมจากแดนกลางและมักจะให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส แบกรับภาระหนักอึ้งอยู่คนเดียวในการผ่านบอลทำลายแนวรับคู่แข่ง ไม่ปฏิเสธว่า เฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ พัฒนาขึ้นมามากกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะมิดฟิลด์ชาวสกอตต์ที่ยิงไป 7 ประตูเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ขณะที่ เฟร็ด มีความขยันเข้ามาช่วยเติมเต็มเกมรับ ขณะเดียวกันก็ยังต้องปรับปรุงเรื่องการเสียบอลง่ายหลายครั้ง แต่โดยภาพรวมมิดฟิลด์สองคนนี้มีความถนัดเรื่องเกมรับเป็นหลัก นั่นทำให้ความเร็วในการเล่นเกมรุกของทีมลดลง

    การเซ็นสัญญา ราฟาแอล วาราน เข้ามาคุมแนวรับอาจหมายความว่าทีมไม่จำเป็นต้องใช้มิดฟิลด์เชิงรับถึงสองคน ดังนั้นคู่หู เฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ ต้องมีคนใดคนหนึ่งถูกดร็อปเป็นตัวสำรองซึ่งด้วยความบู๊บุ๋นและความละเอียดในการเล่นคงต้องยกให้ แม็คโทมิเนย์ เหนือกว่า เฟร็ด

    ส่วนกองกลางตัวรุกยังไงคงต้องให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เหมาสัมปทานตัวจริงอีกเช่นเคย เขาถือเป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในทีมตอนนี้หลังยิงมากถึง 28 ประตูเมื่อฤดูกาลที่แล้ว (18 ประตูใรพรีเมียร์ลีก) ยิ่งการมี เอดินสัน คาวานี่ เข้ามาเติมเต็มจังหวะจบสกอร์ ยิ่งทำให้ บรูโน่ เฉิดฉายมากขึ้นไปอีก

บรูโน่ขาดคู่หู

    จากที่กล่าวมาข้างต้น มันจะเหลือตำแหน่งมิดฟิลด์อีกหนึ่งที่ซึ่งต้องเป็นคู่หู ของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ในการทำเกมรุก แคนดิเดตที่โดดเด่นมากกว่าเพื่อนคือ ปอล ป็อกบา ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถต่อบอลเชื่อมเกมกับ บรูโน่ ได้ไหลลื่น แต่ในทางกลับกัน ป็อกบา ก็ถูกพิสูจน์แล้วว่ายังมีปัญหากับการเล่นเกมรับ เช่น การเสียบอลบริเวณพื้นที่อันตรายรวมถึงความละเอียดในการเข้าบอล ตลอดระยะเวลาที่ ป็อกบา ค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น ต้องยอมรับว่าฟอร์มของเขาไม่สม่ำเสมอเป็นอย่างมาก 

    ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เขามีความฉลาดในการสร้างสรรค์เกมไม่แพ้ บรูโน่ เขายังเป็นนักเตะที่เล่นบอลง่ายอย่างมีประสิทธิภาพและครองบอลเหนียวแน่น แต่ที่แน่นอนคือเขาลงมาช่วยเกมรับได้ดีกว่า ป็อกบา หลังจากที่มิดฟิดล์ชาวดัตช์อุตส่าห์เริ่มต้นกับลีกผู้ดีด้วยการยิงประตูใส่ คริสตัล พาเลซ ในนัดประเดิมสนาม เขาก็มีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองน้อยครั้ง

ลินการ์ดตัวเลือกเหนือเมฆ?

    เนมานย่า มาติช และ ฆวน มาต้า ไม่สามารถเป็นตัวจริงได้แล้วเพราะอายุที่มากขึ้นบวกกับคุณภาพที่ลดลง แต่ในฐานะตัวสำรองพวกเขาทั้งสองยังมีค่าเสมอ ดังนั้นผู้เล่นคนสุดท้ายที่สามารถลงเล่นคู่กับ บรูโน่ ได้คือ เจสซี่ ลินการ์ด 

    ลินการ์ด ทำผลงานยอดเยี่ยมจากการยืมตัวไปเล่นที่ เวสต์แฮม (ยิง 9 จาก 16 นัดที่ลงเล่น) และยังสานต่อฟอร์มที่ดีมายังเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม “ผีแดง” ควรให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง หาก ลินการ์ด อยู่ในช่วงท็อปฟอร์มก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ปัญหาคืออนาคตของเขายังไม่แน่นอน ต้องรอดูกันว่าเขาจะเลือกย้ายทีมก่อนปิดตลาดนักเตะหรือไม่ 

     ดังนั้นแล้ว ฟาน เดอ เบ็ค อาจเป็นที่ดีที่สุดสำหรับการเป็นคู่ บรูโน่ โดยเฉพาะถ้า ป็อกบา ย้ายทีมออกจากไปในซัมเมอร์นี้ เขาจะได้รับโอกาสลงเล่นมากขึ้นแน่นอนในฤดูกาลนี้ ความมีระเบียบวินัยในเกมรับของ แท็คโทมิเนย์ ผสมผสานกับการเล่นบอลที่ชาญฉลาดของ ฟาน เดอ เบ็ค บวกกับการสร้างสรรค์เกมที่ดีเยี่ยมของ บรูโน่ พวกเขาเป็นแผงกองกลางที่ลงตัวที่สุดในทีมตอนนี้ 

“Zvo”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.