Football Sponsored

ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง! 5 นักเตะที่ต้องย้ายทีมเพื่อกอบกู้อาชีพค้าแข้ง – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

ช่วงนี้ตลาดนักเตะกำลังร้อนระอุหลังการย้ายทีมเกิดขึ้นมากมาย ดีลมหากาพย์หลายดีลจบลงเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตามมันก็มีนักเตะอีกมากมายที่ยังจำเป็นต้องย้ายทีม นักเตะเหล่านี้กำลังเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากและตลาดซัมเมอร์นี้เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้เปลี่ยนแปลงหรือเริ่มต้นใหม่กับสโมสรใหม่ มาดูกันว่า 5 แข้งที่ควรจะย้ายทีมมีใครกันบ้าง

1.ซาอูล ญีเกซ (แอตเลติโก มาดริด)

    หลายคนคงรู้ว่า ซาอูล ญีเกซ ถือเป็นหัวใจแดนกลางของทัพ “ตราหมี” เขาย้ายมาร่วมทัพของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ในปี 2013 พร้อมกับเป็นส่วนสำคัญที่พาทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา ฤดูกาล 2013-14 รวมถึงทะลุเข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทว่า 7 ปีให้หลังเขาออกสตาร์ทตัวจริงเพียงแค่ 22 นัดในลีกแม้ว่า แอตฯ มาดริด จะคว้าแชมป์ลีกมาครองก็ตาม

    ซาอูล ลงเล่นทั้งหมด 337 ให้กับทีมพร้อมยิง 43 ประตู แต่เมื่อ ซิเมโอเน่ ตัดสินใจเปลี่ยนมาเล่นกองหลัง 3 ตัวในฤดูกาลที่ผ่านมา มันส่งผลกระทบต่อโอกาสลงสนามของ ซาอูล เป็นอย่างมาก

    ปกติ ซาอูล จะเป็นหนึ่งในมิดฟิดล์ของระบบ 4-4-2 ทว่าในระบบ 3-1-4-2 ที่ ซิเมโอเน่ ปรับมาใช้นั้นมี โกเก้ ลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งทำให้เหลือพื้นที่ให้กองกลางอีก 2 คนซึ่งกุนซือมักจะเลือกใช้ มาร์กอส ยอเรนเต้ คู่กับ โตมาร์ เลอมาร์ กลายเป็นว่า ซาอูล ต้องหลุดจากผู้เล่นตัวจริง

    ข่าวลือย้ายทีมของเขามีมาอย่างต่อเนื่องในซัมเมอร์นี้โดยเฉพาะกับ ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลน่า หาก ซิเมโอเน่ ไม่สามารถการันตีตัวจริงให้ ซาอูล ได้ คงถึงเวลาแล้วที่เจ้าตัวจะย้ายไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ

2.กาเบรียล เชซุส (แมนฯ ซิตี้)

    แม้ กาเบรียล เชซุส จะทำผลงานได้น่าผิดหวังหลายครั้งในฤดูกาลนี้แต่อย่าลืมเจ้าตัวเพิ่งจะอายุแค่ 24 ปีเท่านั้นแถมยังคว้าแชมป์มากมายกับ แมนฯ ซิตี้ อย่างไรก็ตามอนาคตของเขาในถิ่น เอติฮัด สตเดี้ยม ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในช่วงที่ผ่านมา

    หลังจาก เซรคิโอ อเกวโร่ ย้ายไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า แล้ว แน่นอนว่าตำแหน่งกองหน้าตัวหลักของทีมจะตกเป็นของ เชซุส แต่ความจริงแล้วเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาศูนย์หน้าบราซิลเลี่ยนรายนี้ก็แทบจะเป็นกองหน้าตัวเลือกเดียวเนื่องจาก อเกวโร่ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาอาการบาดเจ็บ ทว่า เป๊ป ให้โอกาส เชซูส สตาร์ทตัวจริงแค่ 22 นัดในพรีเมียร์ลีก

    เชซุส ยิงไปทั้งหมด 82 ประตูกับ 34 แอสซิสต์จากการลงเล่น 195 นัดให้กับ แมนฯ ซิตี้ โดยส่วนใหญ่เขาไม่ได้สตาร์ตัวจริงด้วย แต่เขามักจะเป็นคนที่ใช้โอกาสเปลืองอยู่เสมอซึ่งเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดสำหรับกุนซือและแฟนเรือใบไม่น้อย เป๊ป จึงตัดสินใจปรับมาเล่นระบบ “ฟอลส์ ไนน์” ที่มี่ ฟิล โฟเด้น, ริยาด มาห์ เรซ, ราฮีม สเตอร์ลิง และ เควิน เดอ บรอยน์ เป็นส่วนหนึ่งในแนวรุก

    นอกจากระบบการเล่นที่ส่งผลต่อ เชซูส แล้ว ข่าวการย้ายทีมของ แฮร์รี่ เคน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าจะสร้างความกังวลใจให้นักเตะ เขาอาจต้องย้ายทีมเพื่อโอกาสในการลงเล่นมากขึ้น    

3.อิสโก้ (เรอัล มาดริด)

    ชีวิติค้าแข้งของ อิสโก้ เหมือนวนลูปอยู่ที่เดิมในช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้ มันมักจะมีช่วงหนึ่งของฤดูกาลที่เขาจะถูกมองว่าสำคัญมากกับมิดฟิลด์เรอัล มาดริด แต่หลังจากนั้นฟอร์มก็แกว่งหรือพบเจออาการบาดเจ็บจนสุดท้ายต้องตกเป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง

    อิสโก้ ได้ลงเล่นทั้งหมด 96 นัดให้กับ “ราชันชุดขาว” ในช่วง 3 ฤดูกาลหลังสุด ปัญหามันอยู่ที่ความสม่ำเสมอในการลงเล่นของเขา ทุกๆครั้งที่มิดฟิดล์ชาวสเปนิชเหมือนจะยึดตัวจริงได้ มันก็จะมีเหตุบางอย่างที่มาขัดขวาง

    ช่วงปีที่ผ่านมาเขาตกเป็นตัวเลือกรองจาก เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ เรียกได้ว่ากลายเป็นแบ็กอัพให้กับแผงมิดฟิลด์อย่าง ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส และ กาเซมิโร่ สัญญาของเขากำลังจะหมดลงในซัมเมอร์หน้า มันจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการย้ายทีมในตลาดนักเตะครั้งนี้

4.แทมมี่ อับราฮัม (เชลซี)

    แทมมี่ อับราฮัม ดาวรุ่งมากพรสรรค์จากอคาเดมี่ของ เชลซี เติบโตและพัฒนาเป็นอย่างมากในช่วงฤดูกาล 2019-20 แต่ทว่าฤดูกาลถัดมากราฟที่กำลังขึ้นๆอยู่นั้นต้องหยุดชะงักลง

    ภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด อับราฮัม ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ เขาจบฤดูกาลแรกกับทีมชุดใหญ่ของเชลซีด้วยการยิงถึง 18 ประตูจาก 47 นัด อย่างไรก็ตามมันก็มีหลายนัดที่เขาใช้โอกาสเปลืองและจังหวะชี้เป็นชี้ตายเขาทำได้น่าผิดหวัง 

    นี่จึงเป็นเหตุผลให้กุนซือคนใหม่ที่เข้ามาอย่าง โธมัส ทูเคิ่ล เซ็นสัญญา ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ทำให้โอกาสของ อับราฮัม ลดน้อยลงไป โดยลงเล่น 32 นัดเมื่อฤดูกาลที่แล้วซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวสำรอง

    ด้วยวัยแค่ 23 ปีและมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก เขาจึงเป็นนักเตะที่หลายสโมสรสนใจ การย้ายออกจาก เชลซี น่าจะเป็นทางออกที่ทำให้ชีวิตค้าแข้งของ อับราฮัม กลับมาสดใสอีกครั้ง

5.ชูเอา เฟลิกซ์ (แอตเลติโก มาดริด)

    มันอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากถ้าหากบอกว่า ชูเอา เฟลิกซ์ ล้มเหลวกับ แอตฯ มาดริด เพราะว่าเขาเพิ่งอายุเพียง 21 ปีเท่านั้นแถมยังคว้าแชมป์ลาลีกาฤดูกาล 2020-21 แล้วด้วย

    อย่างไรก็ตาม เฟลิกซ์ ยังไม่สามารถปรับตัวกับฟุตบอลสเปนได้เท่าไหร่นัก ทั้งที่ “ตราหมี” ทุ่มเงินมากถึง 122 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวมา แต่กองหน้าชาวโปรตุกีสทำได้แค่ 19 ประตูจาก 76 เกม แถมยังเจอปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่ตลอดจนทำให้ไม่สามารถพัฒนาฝีมือได้ เขาออกสตาร์ทตัวจริงแค่ 14 นัดมื่อฤดูกาลที่แล้ว

    เฟลิกซ์​ ยังเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์และเชื่อว่า แอตฯ​ มาดริด คงไม่มีแผนจะปล่อยเขาในเร็วๆนี้ แต่สัญญาระยะยาว 7 ปีกับค่าตัวอันมหาศาลสร้างความกดดันให้กับเขามาก ขณะที่บางส่วนก็มองว่าแผนการเล่นของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นั้นเน้นเกมรับและรัดกุมมากเกินไปเป็นเหตุให้เค้นศักยภาพ เฟลิกซ์ ได้น้อย 

    ด้วยปัจจัยเหล่านี้ เฟลิกซ์ อาจต้องย้ายทีมไม่ว่าจะเป็นย้ายถาวรหรือยืมตัว มันอาจจะทำให้ชีวิตค้าแข้งของเขากลับมาเป็นที่น่าจับตามองอีกครั้ง

“Zvo”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.