Football Sponsored

ฟ้าหลังฝน! ปัจจุบันของ “ชิม ซอก-ฮี” ไอซ์สเก็ตสาวที่เคยถูกโค้ชล่วงละเมิดฯ (ภาพ)

Football Sponsored
Football Sponsored

หลังจากที่ตกเป็นเรื่องสั่นสะเทือนวงการกีฬาเกาหลีใต้ เมื่อ ชิม ซอก-ฮี นักกีฬาสาวสเก็ตน้ำแข็ง ดีกรีแชมป์โลก 2 สมัย ยื่นฟ้อง โช แจ-บอม อดีตโค้ชของเธอด้วยข้อหาสุดฉาว

  • ฉาวแดนโสม! “ไอซ์สเก็ตสาวแชมป์โลก” ฟ้องอดีตโค้ช “ข่มขืน-ทำร้าย” ตั้งแต่อายุ 17

ล่าสุด ชิม ซอก-ฮี ในวัย 24 ปี กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง หลังถูกเข้ารับการบำบัดจิตใจ จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งในคดีของเธอนั้นกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ถึงขนาดประธานใหญ่ขององค์กรกีฬาเกาหลีใต้ถึงกับออกโรงแถลงขอโทษเธอด้วยตัวเองเลยทีเดียว

โดย ซอก-ฮี ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในแอมบาสเดอร์ของสโมสรฟุตบอลชื่อดังของประเทศอย่าง เอฟซี โซล และมีงานถ่ายแบบกับนิตยสารดัง Vogue ฉบับเกาหลีใต้ รวมไปถึงการปรากฏตัวตามงานต่างๆ เพื่อพูดให้กำลังใจแก่หญิงสาวที่เคยประสบชะตากรรมเดียวกัน

นอกจากนี้ ซอก-ฮี ยังคงความเก่งกาจในเชิงกีฬาเช่นเคย เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 เธอได้เข้าร่วมชิงแชมป์ประเทศในซีซั่นฤดูหนาว หลังจากห่างหายกับรายการนี้ไป 8 ปี ซึ่งเธอก็ไม่พลาดด้วยการซิวเหรียญทองในระยะ 1000 เมตร กับ 1,500 เมตร มาครองอย่างยิ่งใหญ่

สำหรับ ชิม ซุก-ฮี ฉายแววความเก่งกาจตั้งแต่ระดับเยาวชน ก่อนได้แชมป์โลก 2 สมัยในฤดูกาล 2012-13 และ 2013-14 จากนั้นเธอเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติเกาหลีใต้ คว้าเหรียญทองประเภททีมระยะ 3,000 เมตร ในโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 รวมกับอีก 2 เหรียญในประเภทเดี่ยว ได้แก่ เหรียญเงินระยะ 1,500 เมตร และ เหรียญทองแดงระยะ 1,000 เมตร

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา คดีฉาวของเธอก็ถึงจุดสิ้นสุดเสียที เมื่อศาลได้ประกาศคำพิพากษาโดยระบุว่าโค้ชโช แจ-บอม มีความผิดจริงโทษฐานข่มขืน และต้องโทษจำคุก 10 ปี 6 เดือน ซึ่งถือเป็นคดีที่มีบทลงโทษแรงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกีฬาเกาหลีใต้เลยทีเดียว

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.