Football Sponsored

“โค้ชง้วน” ยัน”ดุสิต” แฮปปี้ดีกับบีจีฯ – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

“โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ผอ.สโมสร บีจีปทุม ยูไนเต็ด ออกมายืนยัน “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน อดีตกุนซือที่พาทีมได้แชมป์ 2 ลีก 2 ปี ติดทั้งไทยลีก 2 ไทยลีก 1 และเป็นกุนซือประวัติศาสตร์ผู้ทำให้ทีมได้แชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกแถมยังได้เล่นฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย เป็นสมัยแรก ในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร รอบแบ่งกลุ่ม เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนลีก ฤดูกาล 2021 อีกด้วย แต่ไม่ได้ทำทีมต่อในภารกิจ เอซีแอล รวมถึงไทยลีก ฤดูกาลใหม่ 2021 ว่ายังคงแฮปปี้ดี โดยเฉพาะการที่ทีมจะสนับสนุนส่งให้เรียนโค้ชดีกรี เอไลน์เซนส์ และทำทีมพันธมิตรอย่าง ราชประชาฯ น้องใหม่ ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2021 ทีมพันธมิตร ของ บีจีปทุม ยูไนเต็ด

    แม้จะโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอลบางส่วนกับกรณีที่ บีจีปทุม ยูไนเต็ด ไม่ใช้บริการ”โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ให้คุมทัพต่อในไทยลีก ฤดูกาล 2021 รวมถึง เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนลีก 2021 ทั้งๆที่พาทีมได้แชมป์ 2 ลีก 2 ปีติดต่อกัน ทั้งไทยลีก 2 กระทั่งไทยลีก 1 โดยทีมเลือกใช้บริการ กุนซือ ที่มีไลน์เซนส์ โปร์ไลน์เซนส์ อย่าง ออเรลิโอ วิดมาร์ ชาวออสเตรเลีย ให้เข้ามาคุมทัพแทน  และมีข้อสงสัยตามมาว่า “โค้ชโอ่ง” นั้นยังคงแฮปปี้กับสโมสรอยู่หรือไม่  

    ล่าสุดเรื่องดังกล่าว “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ผอ.สโมสร บีจีปทุมฯ ออกมายืนยันเองว่า ตัว”โค้ชโอ่ง” ที่ยังคงเป็นบุคลากรของทีมบีจีปทุมฯ และบริษัทบางกอกกล๊าสฯ นั้นยังมีความสุขดี แม้จะไม่ได้ทำทีมไทยลีก 1 แต่ต้องไปทำทีมไทยลีก 2 แทน โดยเฉพาะการที่ สโมสร จะสนับสนุนให้ “โค้ชโอ่ง” ได้เรียนโค้ชหลักสูตร เอไลน์เซนส์ต่อไปจนถึงโปร์ไลเซนส์ ที่สโมสร จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดนั้น ตัว”โค้ชโอ่ง” รวมถึงครอบครัวมีความสุขดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.