ไปไหนต่อ!นูโน่อำลาวูล์ฟส์หลังเจอแมนยูเกมปิดซีซั่น – สยามกีฬา
โบกมือลาทีมไปอีกราย! นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต เตรียมสละเก้าอี้กุนซือ วูล์ฟส์ หลังเกมเจอ แมนฯ ยูไนเต็ด วันอาทิตย์นี้ ท่ามกลางข่าวเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะไปคุม สเปอร์ส
วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ประกาศยืนยันว่า นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีส จะอำลาถิ่น โมลินิวซ์ กราวนด์ ด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย หลังเกม พรีเมียร์ลีก นัดสุดท้ายของฤดูกาล 2020/21 กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคมนี้
กุนซือวัย 47 ปี เข้ามาคุม “หมาป่า” เมื่อปี 2017 ก่อนพาทีมเลื่อนขึ้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก จากการเป็นแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2017/18 และได้อันดับ 7 ในลีกสูงสุดแดนผู้ดี 2 ปีติด ขณะที่ซีซั่นนี้อยู่ที่ 12 ก่อนจะเปิดบ้านรับ “ปีศาจแดง” ในนัดสุดท้าย
นูโน่ เผยว่า “ตั้งแต่วันแรกที่เรามาถึงคอมป์ตัน ความทะเยอทะยานของเราคือการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและผลักดันสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ไปข้างหน้า ผมภูมิใจที่จะบอกว่าเราทำอย่างนั้นทุกวัน เราบรรลุเป้าหมายของเรา เราทำด้วยความรักและเราทำมันด้วยกัน”
“อันดับแรก ผมอยากจะขอบคุณแฟนบอลทุกคนที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้เราก้าวไปสู่จุดสูงสุดใหม่ของ วูล์ฟส์ และผู้คนในเมืองที่โอบกอดเรา และทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน แน่นอนผมอยากจะขอบคุณทีมงานทุกคนสำหรับการสนับสนุนและความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน”
“สิ่งสำคัญสุด ผมอยากขอบคุณผู้เล่นทุกคนที่เราทำงานร่วมกันมาตั้งแต่วันที่เราเริ่มต้นสำหรับความภักดี ความทุ่มเท ทำงานหนัก และความสามารถของพวกเขา พวกเขาคือคนที่ทำให้การเดินทางที่น่าทึ่งนี้เป็นไปได้สำหรับเรา”
“วันอาทิตย์จะเป็นวันที่เต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ผมมีความสุขมากที่แฟนบอลจะได้กลับมาชมเกมที่ โมลินิวซ์ เราสามารถแบ่งปันช่วงเวลาพิเศษครั้งสุดท้ายร่วมกันด้วยการเป็นหนึ่งเดียว” นูโน่ ซึ่งมีข่าวอาจจะได้ไปคุม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กล่าวทิ้งท้าย
อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.