The falling of Champions


The falling of Champions

คำถามที่ถามว่า ลิเวอร์พูล จะจบที่เท่าไหร่ซีซั่นนี้…น่าจะพอมองเห็นทิศทางหลังเกมล่าสุดนะครับ

    ความพ่ายแพ้สามนัดรวดของลิเวอร์พูลในบ้าน ตอกย้ำผลงานอันย่ำแย่ ย้อนไป 10 นัดก่อนเจอเลสเตอร์ ทีมชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 4 12 แต้มจาก 30 คะแนน…

    ส่วนเจ้าบ้านเลสเตอร์ รักษามาตรฐานพอใช้ได้ 10 นัดชนะ 5 เสมอ 4 แพ้ 1 เก็บ 19 แต้ม ช่วงเวลานี้…คือแซงลิเวอร์พูลขึ้นที่สามด้วย 

    สองทีมนี้มีปัญหาคล้ายๆกันคือ “ตัวหลัก” เจ็บ เลสเตอร์ เริ่มตั้งแต่ โซยุนซู, ริคาร์โด, เอ็นดีดี วาร์ดี้ , คาสตานเญ …แต่ ร็อดเจอร์ส แก้ปัญหาได้ดี

    เพียงมีความต่างตรงที่ ลิเวอร์พูล เสียเซนเตอร์ไปสามคน ที่เหลือมีแต่เด็กดาวรุ่ง..ส่วนเลสเตอร์ เสีย โซ ยุน ซู คนเดียว ยังมีเซนเตอร์อาชีพให้เลือกอีกสามคนสลับกันเล่น 

    ทั้ง โฟฟอร์นา, จอห์นนี อีแวนส์ แต่ไม่ได้ใช้ มอร์แกน นั่นแหละภาพรวม ร็อดเจอร์ส เอาตัวรอดจากการบาดเจ็บได้ ทั้งหลัง, กลาง และหน้า 

    เพียงแต่เป้าหมายของพวกเขาคือท็อปโฟร์…

The falling of Champions

    อันนี้ก็คือความต่างที่ชัด เมื่อเทียบกับแชมป์เก่า ปีนี่ถ้าหงส์ไม่ป้องกันแชมป์…ผลงานออกมาแบบนี้ ก็ใช้ได้อยู่

    มันคือความเหมือนที่แตกต่างเพราะบริบทคนละแบบกัน

    ก่อนเกมนัดนี้…มีปัญหาตัวหลักเจ็บทั้งสองทีม เดากันว่า ร็อดเจอร์ส จะจัดทีมยังไงเมื่อ เจมส์ จัสติน ปิดเทอมแล้ว

    ร็อดเจอร์ส เลือก 4-1-4-1  ริคาร์โด โยกไปเล่นแบ็กซ้าย แบ็กขวาใช้ อมาร์ตี คู่เซนเตอร์ โซ ยุน ซู-อีแวนส์

    ตัวรับ เอ็นดิดี กลางสี่คนริมเส้น อัลไบรท์ตัน ขวา บาร์นส์ซ้าย คู่กลาง แมดดิสัน และ เตเลมานส์  หน้าเป้า วาร์ดี้ ถ้ารับเหมือนจะเป็น 4-5-1 แต่ในเกมไม่ใช่ครับ

    ส่วนเจเค นั้น…สงสัยว่าจะส่งเซนเตอร์อาชีพคนไหนลงแทนฟาบินโญ่ หรือเสี่ยงเอาเซนเตอร์อาชีพเล่นคู่กัน แล้ว ดัน เฮนโด ไปเล่นกลาง 

    สรุป คล็อปป์ ไม่เสี่ยง เลือก โอซาน คาบัค ลงเล่นกับ เฮนโด แดนกลางเป็น มิลเนอร์,​จีนี และ โจนส์ ข้างหน้าก็สามคนชุดเดิม สองแทกติกดวลกัน

    เจ้าบ้านเลสเตอร์ รับในแดน รัดกุม มีเพรสบนบ้างบางจังหวะ ส่วนใหญ่รับในแดนให้ลิเวอร์พูลบุกขึ้นมา เป็น 4-4-2

The falling of Champions

    วาร์ดี้ กับ แมดดิสัน คอยเพรสแถวกลางสนาม แบ็กสองข้าง อมาตี้ กับ ริคาร์โด เข้าหา มาเน และ ซาลาห์ เร็ว ไม่ให้ไปถึงเส้นหลัง ถ้าไปได้ บาร์นส์, อัลไบรท์ตัน และเซนเตอร์สองคนมาซ้อน

    ดังนั้นบอลด้านข้างลิเวอร์พูล ไม่อันตราย ครั้นเปิดแบบ  early cross ทั้ง รอบโบ้ และ เทรนต์​ก็ไม่แม่น

    มีแต่เสื้อน้ำเงินยืนเต็มไปหมด ..แทกติก รับแล้วสวน ร็อดเจอร์ส ได้ผล ส่วนเกมรุกของลิเวอร์พูล….นั้นเกือบได้ประตู 2 ครั้ง จากบอลยาวแดนหลัง โยน ให้ มาเน เข้าเขตโทษ

The falling of Champions

    ติดนิดติดหน่อย ดูจังหวะไม่ได้ เลยอดยิง 

    อีกครั้ง เฮนโด วางยาวให้ ซาลาห์ หลุดแผงหลัง พอจะยิง กลายเป็นจับบอลกระโดกกระเดก สุดท้ายยิงแป็กออกไป

    ครึ่งแรกจบด้วยการครองบอลที่เหนือกว่าของหงส์แต่ไม่อันตราย

    ส่วนเจ้าบ้านเลสเตอร์ สวนกลับสองสามครั้งได้ลุ้น…กว่า

    มี วาร์ดี้ โหม่ง เข้ามือ เบคเกอร์ และยิงชนคาน (ภาพช้าล้ำหน้า) อีกจังหวะ ยิงติดมือ เบคเกอร์ …

    ครึ่งหลัง…เกมเหมือนครึ่งแรก

    ทีมร็อดเจอร์ส รอรับแล้วสวน ลิเวอร์พูลครองบอลมากกว่า จังหวะสกอร์ที่ได้ลุ้นคือฟรีคิกของ เทรนต์ บอลแฉลบชนคาน ที่สำคัญ เลสเตอร์ รัดกุมมากขึ้นกว่าครึ่งแรก …แต่กลับส่งผลเสีย

    เพราะเลสเตอร์ ไม่มีโอกาสได้โต้เลย ครึ่งหลังไม่ได้ยิงนานถึง 25 นาที

    ตรงกันข้ามเป็นลิเวอร์พูล ได้ยิง ได้ลุ้นมากขึ้น จนกระทั่งได้ประตูนำ จังหวะ กดดันในกรอบโทษ ฟีร์มีโน คลึงบอลแล้วตอกส้นให้ ซาลาห์ แปเข้าไป ซาลาห์ นั้นเห็นมุมเสาสองแล้ว เลือกยิง เน้นความแน่นอน

    ไม่เน้นซัดเต็มแรง ….ลูกสมอง ต้องให้ 

    ทว่าจากนั้น 10 นาทีสุดท้ายเกมรับลิเวอร์พูลทำพัง….

    ลูกตีเสมอ…โดนโจมตีฝั่งขวาได้ฟรีคิกหลายครั้งจนตีเสมอ 

    ต่อมา….เบคเกอร์ กับ คาบัค รับผิดชอบกัน 70-30 โดยเฉพาะเบคเกอร์ ผิดพลาดหนักกว่า 

    สุดท้าย คาบัค ไม่ดูตัวว่าง..คือ บาร์นส์ เลยโดนหลบเข้าไปยิง 3-1 เรียบร้อย

The falling of Champions

บทสรุปจากเกม

1 เซนเตอร์คู่ที่  13 ของหงส์

ฟาบินโญ-มาติป 6

โกเมส – ฟานไดจ์ 3

ฟาบินโญ-เฮนโด 3

ฟาบินโญ-ฟิลิปส์​ 2

เฮนโด-ฟิลิปส์ 2

ฟาบินโญ-โกเมส 1

ฟาบินโญ-ฟานไดจ์ 1

ฟาบินโญ-วิลเลียมส์

โกเมส-มาติป 1

โกเมส – ฟิลิปส์ 1

เฮนโดน-มาติป 1

มาติป-ฟานไดจ์ 1

เฮนโด- คาบัค 1

2 คาบัค แจ้งดับนัดแรก

    เกมนี้ว่ากันว่ามีโอกาสที่เขาจะได้เล่น แม้ ฟาบินโญ ไม่เจ็บก็ตาม ด้วยเพราะเชื่อว่า คล็อปป์ จะต้องดัน เฮนโด ไปเล่นแดนกลาง แต่เมื่อ ฟาบินโญ เจ็บ ก็ต้องตามนั้น ผลงานของ โอซาน คาบัค เซนเตอร์ดาวรุ่งเลือดร้อนเป็นไงบ้าง

    แค่เกมแรกยังคงไปด่วนสรุปไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ที่เห็นในเกม ยังมีความผิดพลาดในการเล่น จังหวะ วาร์ดี้ หลุดเดี่ยว 2 ครั้งครึ่งแรก คาบัค พลาด

    พลาดครั้งสอง วาร์ดี้ หลุดไปหลอก เฮนโด แล้วยิงชนคาน ลูกนั้นถ้าเข้าก็ต้องเช็ควีเออาร์ ภาพช้าเห็นว่าล้ำ แต่…ในความพลาดนั้น คาบัค ก็ต้องรับไป 

The falling of Champions

    พอครึ่งหลังมันชัดเลย… กับ เบ็คเกอร์ สื่อสารไม่ดี ก็รับไปส่วนหนึ่งแต่ลูกสามชัดเจน คาบัค ไม่ดูตัวว่างข้างหลัง

    คล็อปป์​ยังโวยว่าทำไมไม่เช็คล้ำหน้า… จังหวะเสียบอลตรงกลางสนาม นัดแรกครับ…แต่ความผิดพลาดมันไม่น่าไว้วางใจซะแล้ว ทำไงได้ 14 นัดทีเหลือ

    …ยังไงก็ต้องได้เล่นละครับ คงดร็อป ไม่ได้แล้ว 

    นีคือคำตอบที่ว่า ถ้าซ้อมอย่างเดียว ไม่มีเกม เซนเตอร์ตัวใหม่ คงช่วยทีมได้ไม่ดี ถ้าชั้นยังไม่ถึง เพราะการสื่อสารกับประตูนั่นก็สำคัญ…

    นี่คือเกมแรกที่ คาบัค-เบ็คเกอร์ เล่นด้วยกัน

    นีถ้า เอา เดวิส-คาบัค เล่น ลองนึกภาพดูนะครับ นักบอลย้ายมาใหม่…ซ้อมอย่างเดียวไม่พอครับ มันต้องมีเกมให้เขาเล่นได้ร่วมกัน ในสถานการณ์จริง

    ฟุตบอลสนามจริงไม่ใช่เกมแฟนตาซี เราจะเลือกใครตามใจเราไม่ได้ครับ

    ผมว่าคำตอบที่ทุกคนคาใจว่าทำไมไม่ใช้เซนเตอร์อาชีพ โน่นนี่ นั่น…ประตู 2-1 คือคำตอบนั้น 

    3 เซตพีซหงส์…ไม่ทำงาน

    ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกหนึ่งครั้งระยะหวังผลครึ่งแรก เทร้นต์ ยิงติดกำแพง… ครึ่งหลังยิงแฉลบชนคาน!

    ได้เตะมุม 8 ครั้ง…ไม่ได้ลุ้นอะไรเลย ในมากมายหลายเกมหาก โอเพ่น เพลย์ ทำอะไรไม่ได้ เซตพีซ คือตัวช่วยที่ดีในการได้ประตู

The falling of Champions

    ทว่า…ไม่ใช่แค่นัดนี้นัดเดียว 24 นัดที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ทีเด็ด จริงอยู่แม้ ขาด ฟานไดจ์ หรือเซนเตอร์ตัวหลัก

    แต่ขาด ฟานไดจ์ ตั้งแต่นัดที่ 5 เล่นมาแล้ว 24 นัด ไม่มีสูตรอะไรมาแก้ตรงนี้ให้มันได้ประตูบ้าง……

    ถ้าจะเป็นข้อบกพร่อง คงเป็นหงส์ขาด “การโหม่ง” ทำประตู

    4 จังหวะสำคัญ…..เร่งตัวเอง

    จังหวะจับบอลเล่นของ มาเน, ซาลาห์ ในเขตโทษแบบเดี่ยวๆ ดูเก้ๆกังๆไปเลย จังหวะจบเลยไม่ได้ คงรีบเล่นเกินไป หลายจังหวะเด็กหงส์เลือกการเล่นแบบเร่งตัวเอง เลยผิดพลาด

    รอบโบ้ ยิงจากมุมเขตด้านซ้าย ทั้งที่เพื่อนว่าง 3 คน ว่างแบบโล่งๆ ไม่มีใครประกบ แต่ตัดสินใจยิง

    คล็อปป์ เคยพูดปัญหาเกมรุกหน้าเขตโทษปีนี้ว่า…ลูกทีมของเขา เจอ right moment แล้ว แต่ทำไม่ได้

    ไม่ผ่านบอลในจังหวะเหมาะสม…หรือครอสบอลในจังหวะที่ต้องได้จบสกอร์ หรือ น.63 โจนส์ ได้ครอสบอลเข้าเขตโทษ ฟีร์มีโน, มาเน วิ่งโฉบให้เลือกเล่น แต่ โจนส์ กลับ เลือกเปิดเสาสอง เหลี่ยมนั้นยาก เพราะมีตัวคุม ซาลาห์…ซึ่งเขาก็เปิดพลาด

นี่คือ right moment ในการเล่นตรงกรอบโทษคู่แข่งที่เลือกชอตเล่นผิด น.67 

    5 อลิสซง เบคเกอร์…..พลาด

    สามประตูในสัปดาห์ มาจากความผิดพลาดของ อ.เบคเกอร์ เหลือเชื่อมาก…ประตูที่เหนียวหนึบ มาพลาด เตะบอลพลาดสองลูก…กับซิตี้ ล่าสุด ออกมาจากเส้นไกลเกินไป ทั้งที่ คาบัค ถึงบอลอยู่แล้ว ทำให้ ชนกันร่วง…วาร์ดี เก็บบอลได้ จัดการไม่เหลือ

The falling of Champions

    แม้จังหวะต่อมา ช่วยเซฟลูกยิง วาร์ดี บนเส้นได้…แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้….คือการสูญเสียความมั่นใจในการเล่นของเขา 

    6 พัง 12 นาทีสุดท้าย

    ง่ายๆเลย การเสียประตูและความผิดพลาดที่เกิดขึ้นใน12 นาทีสุดท้าย มันเตือนตั้งแต่สี่ห้านาทีก่อนหน้านั้น เมื่อ เสียฟรีคิก 3 ครั้ง จนครั้งที่สี่ น. 77 แมดดิสัน ยิงเข้ามุม แม้เช็ควีเออาร์ 

    ร็อดเจอร์ โจมตี ทาง เทรนต์ เป็นหลัก กลายเป็นบ่อไปแล้ว ได้ฟรีคิกสี่ครั้ง..ย้ำอยู่อย่างนั้น เรียบร้อย ประตูกับกองหลังชนกันเองเสียบอล วาร์ดี จัดการ 2-1 น.81 เสียบอลแดนกลาง จาก ซาลาห์ จ่ายพลาด 

    จากนั้น…..คาบัค ไม่ดูตัวว่าง คือบาร์นส์​ ไม่มีดันล้ำหน้า…อันใด 

     บาร์นส์ เดี่ยว ยิงเข้าไป 3-1  น. 85

    ความพ่ายแพ้นัดที่ สามติดต่อกันของลิเวอร์พูล  ทำให้เกิดผลเสีย…อย่างหนัก เสียความมั่นใจ…เสียคะแนน ….

    มีโอกาสเสียพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีกซะแล้ว 

    อย่างที่ผมตั้งคำถามเอาไว้ ..จบที่ตรงไหนหงส์แดง….เวลานี้ต้องลุ้นอย่างหนักละครับว่าจะจบที่ 4 ได้หรือไม่

Jackie

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร

Add friend ที่ @Siamsport