“ซน-เบล” ซัด!สเปอร์สโชว์ดุไล่อัดโวล์ฟสแบร์เกอร์นัดแรก32ทีมยูโรปาลีก


This image is not belong to us

ซน ฮึง-มิน กับ แกเร็ธ เบล ต่างซัดประตูช่วย “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ที่โชว์ฟอร์มสุดแจ่มหลังไล่อัด โวล์ฟสแบร์เกอร์ 4-1 คว้าชัยและกุมความได้เปรียบไว้ได้ก่อนค่อนข้างมากในศึกฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดแรก) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดแรก)

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564

โวล์ฟสแบร์เกอร์ (ออสเตรีย) 1   –   4 สเปอร์ส (อังกฤษ)


สนาม : ปุสกัส อารีน่า, บูดาเปสต์, ฮังการี (สนามกลาง)

    เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 5 สเปอร์ส ได้ลุ้นเมื่อสวนกลับไวบอลมาอยู่ที่ ซน ฮึง-มิน กระชากพาตัดกรอบเขตโทษทางฝั่งขวาก่อนจะแต่งบอลเข้าเท้าซ้ายแล้วตัดสินใจปั่นโค้งทันทีแต่ทิศทางยังดีไม่พอทำให้บอลหลุดออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย

    นาทีที่ 12 สเปอร์ส ทำหวาดเสียว ซน ฮึง-มิน เกี่ยวบอลลงได้ในเขตโทษโวส์ฟสแบร์เกอร์แล้วหมุนตัวส่งย้อนมาให้ เดเล่ อัลลี่ ได้แปเน้นๆ แต่แรงเกินไปบอลเหินข้ามคาน

This image is not belong to us

    นาทีถัดมาทัพไก่เดือยทองได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะทำเกมสุดสวยเมื่อบอลไปอยู่ที่ แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ ที่เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจะไหลต่อไปให้ แกเร็ธ เบล ได้หลุดขึ้นไปหักข้อเปิดบอลสุดริมเส้นทางฝั่งขวาบอลลอยย้อนไปเข้าหัว ซน  ฮึง-มิน ที่ล้มตัวสะบัดโหม่งเล่นทางส่งบอลพุ่งเสียบโคนเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม

    สเปอร์สแทบจะครองเกมได้แต่เพียงฝ่ายเดียว นาทีที่ 20 หวิดได้ประตูที่สองจากความสามารถเฉพาะตัวของ เดเล่ อัลลี่ ที่กระชากบอลหลอกแข้งโวล์ฟสแบร์เกอร์สุดริมเส้นทางฝั่งซ้ายก่อนจะหลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ไปติดบล็อกของ อเล็กซานเดอร์ โคฟเลอร์ นายด่านโวล์ฟสแบร์เกอร์ออกไปพ้นเขตอันตราย

     นาทีที่ 23 เป็นทีของ โวล์ฟสแบร์เกอร์บ้างโดย เดยัน โยเวลยิช ศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมพาบอลจี้เข้าไปในเขตโทษสเปอร์สก่อนจะโยกหลอกแผงหลังไก่เดือยทองแล้วกดด้วยเท้าซ้ายแต่บอลกลับพุ่งไปตรงตัว อูโก้ โยริส ที่ยืนตั้งท่ารออยู่ก้มคว้าบอลเข้าซองไม่พลาด

This image is not belong to us

    ทัพสเปอร์สมาได้ประตูนำ 2-0 นาทีที่ 29  แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจะไหลบอลให้ แกเร็ธ เบล หลุดขึ้นไปสุดริมเส้นทางฝั่งขวาก่อนเจ้าตัวจะโชว์ความเหนือชั้นดึงบอลหลอกด้วยส้นเท้าทำเอา โจนาธาน เชอร์เซอร์ ถึงกับล้มกลิ้งก่อนที่ เบล จะปักหลักกดด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อบอลโค้งเสียบเสาไกลเข้าไปสุดเหนือชั้น

    แต่นาทีต่อมาสเปอร์สก็เกือบเสียประตูคืนเช่นกันเมื่อโวล์ฟสแบร์เกอร์โหมบุกเร็วและจบด้วยการโหม่งของ ดาริโอ วิซินเกอร์ ไม่ถึง 10 หลาบอลพุ่งตรงทำท่าจะเสียบใต้คานแต่ถูกปฏิเสธโดย อูโก้ โยริส ที่กระโดดใช้ปลายมือปัดออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ 

This image is not belong to us

    นาทีที่ 34 สเปอร์ส ที่โชว์ความคมของเกมบุกได้ประตูนำห่าง 3-0 จาก ลูคัส มูร่า ที่โซโล่เดี่ยวด้วยการกระชากบอลทางฝั่งขวาจี้เข้าไปในเขตโทษโวล์ฟสแบร์เกอร์แล้วดึงบอลหลอกแข้งคู่ต่อกรถึง 3 คน และจบด้วยการเลือกมุมแปบอลจ่อๆ ผ่านมือ อเล็กซานเดอร์ โคฟเลอร์ เข้าไปอย่างสุดแจ่ม

    ใบเหลืองแรกของเกมเกิดขึ้นนาทีที่ 42 เป็นของฝั่งสเปอร์สโดย เดเล่ อัลลี่ ไปเข้าฟาวน์หนักใส่ โดมินิค เบาม์การ์ทเนอร์ จนทำเอา อาลี ปาลาบิยิค ท่านเปาชาวตุรกีไม่มีทางเลือกควักใบเหลืองให้ อัลลี่ ทันที

    นาทีที่ 45+2 โวล์ฟสแบร์เกอร์ ได้โอกาสลุ้นทวงประตูคืนจากลูกฟรีคิกกลางกรอบเขตโทษระยะประมาณ 20 หลาแต่ คริสโตเฟอร์ เวอร์นิทซนิจ ที่รับหน้าที่ยิงกลับซัดข้ามคานไปไม่ได้เสียว

    จบครึ่งแรก สเปอร์ส ที่ดูเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดซัดประตูออกนำไปก่อนถึง 3-0 

    มาลุ้นกันต่อครึ่งเวลาหลังเคลื่อนมาถึงนาทีที่ 50 สเปอร์สเกือบบวกสกอร์เพิ่มได้อีกจากจังหวะต่อเกมสุดสวยเริ่มจาก ลูคัส มูร่า วิ่งทะลุช่องไปเก็บบอลแล้วส่งต่อให้ เดเล่ อัลลี่ ที่ตอกส้นส่งย้อนให้ แกเร็ธ เบล ได้ตะบันเน้นๆ ในกรอบเขตโทษโวล์ฟสแบร์เกอร์บอลพุ่งทำท่าจะเสียบมุมเสาไกลแต่ยังดีมี อเล็กซษนเดอร์ โคฟเลอร์ พุ่งปัดไว้ได้ด้วยปลายมือช่วยโวล์ฟสแบร์เกอร์รอดพ้นการเสียประตูที่สี่

    นาทีที่ 54 โวล์ฟสแบร์เกอร์ตีไข่แตกตามมาเป็น 1-3 จากลูกจุดโทษที่ มุสซ่า ซิสโซโก้ ถึงบอลช้าเลยกลายเป็นเตะตัดฟาวน์ใส่ คริสโตเฟอร์ เวอร์นิทซนิจ แถม ซิสโซโก้ ยังถูกใบเหลืองอีกด้วย และเป็น ไมเคิ่ล ลีนเดิ่ล รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ

    สองนาทีต่อมาสเปอร์สได้ลูกฟรีคิกแถวเส้นกรอบเขตโทษฝั่งขวา  ลูคัส มูร่า บรรจงซัดเน้นๆ แต่แรงเกินไปบอลเหินข้ามคานหมดลุ้น 

    

    นาทีที่ 63 โวล์ฟสแบร์เกอร์ มีหวังทวงประตูคืนกลับมาอีกเมื่อได้ลูกฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลา ไมเคิ่ล ลีนเดิ่ล วางบอลยัดเขาไปแต่ก็ไม่พ้นแข้งสเปอร์สที่ช่่วยกันโหม่งเคลียร์ออกไปได้ไร้ปัญหา

This image is not belong to us

    นาทีที่ 65 สเปอร์สเปลี่ยน แกเร็ธ เบล ออกไปพักแล้วส่ง  เอริก ลาเมล่า ลงมาเล่นแทน และอีกคนเปลี่ยน ลูคัส มูร่า ออกส่ง สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น ลงเล่นแทน 

    นาทีที่ 69 โวล์ฟสแบร์เกอร์ เกือบได้ประตูที่สอง ไมเคิ่ล ลีนเดิ่ล หลุดขึ้นไปทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนจะจ่ายย้อนมาให้ คริสโตเฟอร์ เวอร์นิทซนิจ ได้แปเน้นๆ บอลพุ่งแรงไปชนคานอย่างจังก่อนจะเด้งตกลงพื้นและเป็น โยริส ที่ตามเก็บไว้ได้ และเมื่อตรวจสอบวีเออาร์แล้วลูกบอลกระดอนลงมาบนเส้นประตูพอดียังไม่เข้าไปทั้งลูกจึงไม่เป็นประตูในจังหวะนี้

    4 นาทีต่อมา อัลลี่ ได้ปักหลักปั่นด้วยเท้าขวาเน้นๆ แถวเส้นเขตโทษ 18 หลาแต่โค้งไม่พอบอลพุ่งไปตรงตัว โคฟเลอร์ นายด่านโวล์ฟสแบร์เกอร์รับเข้าซองเหนียวแน่น

This image is not belong to us

     ผ่านพ้นมาถึงนาทีที่ 88 สเปอร์ได้ประตูปิดกล่อง 4-1 ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก หลุดขึ้นไปทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนจะตักบอลไปเข้าหัว  เอริก ลาเมล่า ที่โขกต่อไปให้  การ์ลอส วินิซิอุส ใช้ปลายเท้ายื่นไปเปลี่ยนทางบอลเข้าไป

    จบเกมสเปอร์สโชว์เกมบุกได้อย่างดุดันไล่อัด โวล์ฟสแบร์เกอร์ 4-1 คว้าชัยไปได้ก่อนกุมความได้เปรียบค่อนข้างมากก่อนจะกลับไปลุ้นนัดสองที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม 

รายนักเตะทั้งสองทีม

    โวล์ฟสแบร์เกอร์ (4-1-3-2) : อเล็กซานเดอร์ โคฟเลอร์ – โดมินิค เบาม์การ์ทเนอร์, ลูก้า โลชอชวิลี่, มิชาเอล โนวัค (มาริโอ พาเวลิค น.81), โจนาธาน เชอร์เซอร์ –  สเวน สปรังก์เลอร์ (กูราม กัวร์เบลิดเซ่ น.65) –  มัทเธอุส ทาเฟอร์เนอร์ (กุสตาฟ เฮนริคส์สัน น.46), ไมเคิ่ล ลีนเดิ่ล, คริสโตเฟอร์ เวอร์นิทซนิจ –  ดาริโอ วิซินเกอร์ (ไค สตาร์ทซนิจ น.46),  เดยัน โยเวลยิช (ชิกัว เดียง น.65)

    เทรนเนอร์ : เฟอร์ดินานด์ เฟลโฮเฟอร์

    สเปอร์ส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส – โทบี อัลเดอร์แวเรลด์, เอริค ดายเออร์, แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้, เบน เดวิส – มุสซ่า ซิสโซโก้ (ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก น.78), แฮร์รี่ วิงค์ส – ลูคัส มูร่า (สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น น.65), เดเล่ อัลลี่ (ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ น.78), แกเร็ธ เบล ( เอริก ลาเมล่า น.65) – ซน ฮึง-มิน (การ์ลอส วินิซิอุส น.46)

    เทรนเนอร์ : โชเซ่ มูรินโญ่

    ผู้ตัดสิน : อาลี ปาลาบิยิค (ตุรกี)

This image is not belong to us

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร

Add friend ที่ @Siamsport