รู้จัก”เทน ฮาก”ให้ลึก


รู้จัก

1 หากจะมีใครสักคนที่ยืนยันหนักแน่นได้ว่าทำไมเอริก เทน ฮากถึงเป็นโค้ชที่มีฝีมือและมีแนวโน้มว่าจะเป็นคนที่ถูกต้องด้วยสำหรับสโมสรที่ชื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ย่อมเป็นเขาผู้นั้น…อดีตบิ๊กบอสทีมชาติอังกฤษ

    “พวกเรากำลังวางแผนเพื่อซ้อมช่วงปรีซีซั่นโดยเป็นหนึ่งวันหลังผมเข้ารับตำแหน่งแต่แล้วเขาก็จัดแจงกางข้อมูลทุกอย่างออกมาบนโต๊ะว่าเราควรจะฝึกซ้อมกันอย่างไรตลอดเดือนครึ่งช่วงปรีซีซั่น ที่น่าทึ่งอยู่ตรงมันมีรายละเอียดทุกอย่างครบในแต่ละวัน ตั้งแต่ตอนไหนที่ควรมีเบรกพักดื่มน้ำ ตอนนั้นมีวอร์มดาวน์กับตอนไหนที่ควรจะเรียกประชุมเพื่อคุยถึงแท็กติก มันเป็นรายละเอียดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจากใครและถึงตอนนี้ก็ไม่เจอใครบ้าทำแบบนั้น”    

    สตีฟ แม็คคลาเรนถือเป็นคนที่รู้จักเทน ฮากดีที่สุดคนหนึ่งเนื่องจากเคยร่วมงานกันสมัยคุมเอฟซี ทเวนเต้ระหว่างซีซั่น2008/09โดยปีนั้นมีผลงานยอดเยี่ยมจบรองแชมป์(ปีต่อมาคว้าแชมป์)     

    “ตอนนั้นเขาจะเป็นคนที่ไปทำการบ้านถึงทีมคู่แข่งเช่นจุดแข็ง-จุดอ่อน, วิธีการเพรสเข้าใส่, การเซตเกมขึ้นไปควรจะเริ่มตรงไหนและไปจบที่ตรงไหนและอีกหลายอย่าง ผมคิดว่าเรารู้จักฟุตบอลลึกซึ้งแล้วแต่ประสบการณ์ที่ได้ทำงานกับเขาทำให้รู้ว่าผมไม่รู้จักฟุตบอลดีพอ”     

    นาทีนี้เทน ฮากเป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงไม่เว้นวัน มีแววตาของสาวกอสูรหลายคนที่ทอประกายออกมาด้วยความหวังว่าชายวัย52คนนี้จะเป็นคนที่ใช่ซะที…

รู้จัก

     

    ถูกต้อง-คำถามสั้นๆง่ายๆเลย”เขาดีพอแค่ไหนในการก้าวมารับงานประหนึ่งแบกจักรวาล??”     

    “เอริกสามารถมองเกมที่ต่างจากคนทั่วไปรวมถึงผมเองด้วย ผมเคยนั่งคุยเรื่องรูปเกมกับเขาโดยทุกประโยคที่เขาพูดออกมาก็ล้วนเหมือนคนที่ช่ำชองเกมมานาน เขาอธิบายออกมาได้หมดว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ในเวลานั้นไม่ว่าเราจะนำหรือตามหลัง ผมเองเคยทำงานกับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันมาก่อนซึ่งก็มีบางครั้งที่รู้สึกว่าการเลือกเปลี่ยนตัวดูแปลกๆ(แต่สุดท้ายได้ผล)ด้วยความเคารพสิ่งนี้ก็เหมือนกับเอริก”แม็คคลาเรนกล่าวไว้ต่อมา

     

    มีอะไรอีกที่เราควรจะรู้เกี่ยวกับเทน ฮาก?

     

    เขาแขวนสตั๊ดตอนอายุเพียง32โดยไม่ได้มาจากปัญหาบาดเจ็บ เหตุผลเป็นเพราะรู้สึกอิ่มตัวแล้วซึ่งว่าไปก็ใช่ว่าจะเป็นนักเตะที่โนเนม เคยเล่นให้ทเวนเต้, เด กราฟส์ชาป, อาร์เคซี วัลไวจก์กับเอฟซี อูเทร็คแถมยังได้แชมป์บอลถ้วยกับทเวนเต้มาด้วย

     

    “ผมไม่คิดว่าจะได้อะไรอีกแล้วจากการเป็นนักเตะดังนั้นเลยตัดสินใจพุ่งมางานคุมทีม ผมคิดว่ามันมีเรื่องที่ท้าทายรออยู่ข้างหน้า”เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นไว้นานแล้ว

     

    นั่นเองทำให้เขาเคยเป็นมือขวาแม็คคลาเรนที่เอฟซี ทเวนเต้

     

    เทน ฮากมีความคิดที่ถือว่าบิดเบี้ยวกว่าคนปกติ หลายคนรักจะขออยู่ในพื้นที่ปลอดภัยอันหมายถึงขอมีงานกับมีเงินแต่สำหรับเขาเชื่อว่าคนเรามันต้องออกย่ำลุยไปสู่โลกกว้าง มันมีหนังสือให้อ่านอีกเยอะที่รอแค่เราสวมรองเท้าไปหยิบเท่านั้น

รู้จัก


     

    เพียงปีเดียวกับทเวนเต้จึงเลือกไปทำงานให้พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นกับเจ้านายเก่าเฟร็ด รุตเท่น(รุตเท่นเคยอยู่ทเวนเต้มาก่อน)โดยไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากว่าแค่อยากลองอะไรใหม่ๆ     

    ปี2012ตกลงเซ็นกับโก อเฮด อีเกิ้ลส์ในฐานะหัวหน้าโค้ชชุดใหญ่ครั้งแรก จากทีมเล็กๆที่ไม่เคยได้เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดมาเกือบห้าทศวรรษก็ได้ตีตั๋วขึ้นสู่ลีกสูงสุดเพียงปีแรกที่เข้ามา เรื่องที่คงมีการพูดถึงทุกวันนี้ก็เป็นการเข้ามาเปลี่ยนทัศนะคติให้กับทุกคนในสโมสรว่าทำไมถึงจะเป็นทีมที่มาจากเมืองที่มีประชากรเพียงแสนเศษก็สามารถทำผลงานให้ดีได้? ทำไมคนเราถึงต้องฝันให้สูงไว้ก่อน?     

    “เขาทำให้พวกเราทุกคนอยากจะเล่นฟุตบอลกับทำให้รู้ว่าควรจะเล่นฟุตบอลอย่างไร เขาไม่ใช่แค่ลงไปคุมทีมซ้อมเพียงเพื่อให้ผ่านไปวันๆแต่ทุกการซ้อมล้วนมีจุดมุ่งหมายว่าวันนั้นจะซ้อมไปเพื่อสิ่งใด”หนึ่งในอดีตลูกทีมชุดนั้นได้เล่าเอาไว้

     

    ครับ การทำให้ทีมอย่างโก อเฮด อีเกิ้ลส์ประสบความสำเร็จได้ขึ้นชั้นก็คงคล้ายกับทำให้ทีมแบบบอร์นมัธปีนป่ายขึ้นมาพรีเมียร์ลีก ก็อีกนั่นแหละที่ตามเส้นทางแล้วสโมสรต่อไปควรจะเป็นทีมใหญ่ขึ้นในลีกตัวเองเช่นฮีเรนวีนหรือโกรนิงเก้นเป็นต้น

     

    เปล่าเลย เปล่าเลยครับ

     เทน ฮากขอสะพายเป้าขึ้นแผ่นหลังมุ่งหน้าไปเยอรมันกับงานคุมทีมสำรองให้บาเยิร์น มิวนิคซึ่งเหตุผลก็เพียงอยากเรียนรู้, ฝึกฝนตัวเองตลอดถึงโอกาสที่ในชีวิตนี้อาจหาไม่ได้อีกแล้ว นั่นก็เป็นการได้เฝ้าติดตามดูวิธีการทำงานของโค้ชที่เขายกให้เป็นแรงบันดาลใจชั้นยอด-เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

     “ช่วงเวลากับบาเยิร์นนั้นทำให้ผมได้เข้าใจระบบการทำงานของสโมสรชั้นนำ ทุกรายละเอียดที่ได้รับมานั้นล้วนทำให้ผมเองได้เก็บเอาไว้ใช้ในอนาคตซึ่งเช่นเดียวกับการรับมือกับสื่อที่ทุกเกมก็จะมีแต่คนจดจ้องถึงฟอร์มในสนาม ที่บาเยิร์นไม่ใช่แค่ชัยชนะแต่คุณต้องเล่นให้แฟนบอลประทับใจด้วย”

    

    อืมมม ประโยคสุดท้ายก็อาจดัดแปลงได้ว่า’ที่แมนฯยูไนเต็ดไม่ใช่แค่ชัยชนะแต่คุณต้องเล่นให้แฟนบอลประทับใจด้วย    

    

    2  บ้านเกิดเทน ฮากอยู่ในเมืองโอลเดนซาลซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากชายแดนดัตช์-ดอยทช์ เขียนให้วาดภาพตามได้ก็เป็นเมืองระดับหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมถึง 100 ไมล์มาทางทิศตะวันออก มีน้ำเสียงของคนที่ไปเยือนมาแล้วบอกเล่าไว้แบบนี้”เป็นเมืองที่จะช่วงเร่งรีบตอนเช้าวันทำงาน, ตอนกลางวันของวันหยุดหรือตอนค่ำของวันใดก็ตามล้วนไม่ได้ต่างกัน เป็นเมืองที่เงียบสงบเสมอ”

รู้จัก


     

    เพราะฉะนั้นแล้วจึงไม่ค่อยมีใครหรอกที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับเมือง คนส่วนใหญ่ก็มักหากินกันบนความพอเพียงตามประสาคนต่างจังหวัด    

    เทน ฮากจึงเรียกได้ว่าเป็น’เซเลบ’ของทุกคน ทุกๆคนในละแวกหมู่บ้านก็มักจะรอต้อนรับหรือบางทีก็มีจัดงานฉลองให้ยามที่เจ้าตัวกลับมาพักที่บ้านโดยเฉพาะภายหลังนำอาแจ็กซ์คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามเส้นทางสู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดของเขานั้นเริ่มต้นกับสโมสรเอสซี บอนบอยส์ซึ่งเป็นทีมท้องถิ่นของเมืองฮัคส์เบอร์เก้น(ห่างจากโอลเดนซาล15ไมล์)         

    เขาออกสตาร์ทรอยย่ำในจุดที่มองย้อนกลับไปคงไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าวันหนึ่งจะได้ปกครองอาณาจักรสีแดงของหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่สุดในโลก แน่นอนว่าทุกวันนี้พวกเพื่อนร่วมรุ่นรวมถึงใครก็ตามที่เคยเห็นเทน ฮากวิ่งไล่กวดลูกหนังเมื่อครั้งยังเป็นเด็กจึงได้แต่รู้สึกภาคภูมิใจตามไปด้วย     

    “เอริกเป็นพวกพูดเยอะ เขาตัวค่อนข้างเล็กซึ่งนั่นเองทำไมเขาถึงอาจต้องการหาจุดเด่นด้านอื่นมาทดแทน เขาเลยเป็นเด็กที่ขวนขวายศึกษาความรู้เรื่องฟุตบอลจนบางทีโค้ชต้องออกมาปราม’โอเคพอแล้วเอริก วันนี้พอแค่นี้…'”


     “เขาก็มักเป็นคนที่ชูมือขึ้นเสมอเพื่อถามคำถามที่สงสัย นอกจากนั้นเขาก็เป็นพวกที่จะไม่เชื่อตามใครง่ายๆซึ่งยกตัวอย่างก็เช่นหากมีใครมองว่าโรเจอร์ เฟอเดอเรอร์เป็นนักเทนนิสเก่งสุด เขาก็จะออกมาแย้งว่าทำไมถึงไม่ใช่ราฟาเอล นาดาล”เพื่อนที่เคยตามล่าหาฝันด้วยกันซึ่งทุกวันนี้เทน ฮากคงคบหาอยู่

     

    อย่างหนึ่งพื้นฐานครอบครัวของเทน ฮากไม่ได้เป็นพวกบ้าบอลแต่ใดๆ คือเพียงพอดูได้แต่ก็มีกีฬาอื่นที่สนใจกว่าเช่นปั่นจักรยานเป็นต้น นั่นเองจึงน่าสนใจว่าทำไมว่าที่กุนซือคนใหม่ของผีถึงผิดเพี้ยนกว่าคนอื่นซึ่งยังว่ากันว่าทั้งพ่อและแม่ก็อยากให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาทำธุรกิจของครอบครัวด้วย

     

    “ชีวิตของเขามีแต่ฟุตบอล, ฟุตบอลและฟุตบอลเท่านั้น เขาไม่ใช่แค่อยากจะลงไปเตะแต่เขาก็ยังมักชอบเรียนรู้ถึงเรื่องแผนการเล่นมาตั้งแต่ตอนที่อายุเพิ่งสิบต้นๆ”

    3  เทน ฮากฉายแววถึงเหตุผลที่ยอมไปทำงานให้ทีมสำรองบาเยิร์น มิวนิคในทันทีพอย้ายกลับมากุมบังเหียนเอฟซี อูเทร็คในปี2015โดยการซ้อมก็จะบังคับนักเตะในทีมต้องจ่ายบอลในพื้นที่แคบๆ มีการหยุดการซ้อมทุก10หรือ20วินาทีเพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกคนไม่หลงลืมปรัชญาของทีม เหนืออื่นใดได้พาทีมเข้าไปเตะบอลยุโรปได้สำเร็จด้วยสไตล์ที่เอ็นเตอร์เทนผู้ชม

     

    “เขาเหมือนเป๊ปนั่นแหละ คือกินนอนเป็นฟุตบอลตลอด24ชั่วโมง เรื่องที่ตอนนั้นคนไม่ค่อยสนใจก็เป็นเขาที่ใส่ใจเช่นพอเสียบอลมาต้องอย่างไรเพื่อเอาบอลคืนให้ได้ในเวลาที่จำกัด การกดดันคู่แข่งอย่างไรเพื่อให้ขึ้นเกมยากที่สุด เขารู้ว่าฟุตบอลที่ดีนั้นไม่ใช่แค่อยู่ที่ผลการแข่งขันแต่มันต้องมาจากสิ่งที่ปรากฎในสนามด้วย”อดีตนักเตะที่เคยทำงานด้วยตอนนั้นพูดถึงไว้

     

    อีกเรื่องเล่าก็เป็นกระทั่งค่ำคืนที่หลายริมฝีปากเอ่ยถึงชื่อของเทน ฮากหลังพาอาแจ็กซ์เข้ารอบรองฯยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอย่างสุดยอดด้วยการล้มมาทั้งยูเวนตุสกับเรอัล มาดริดซึ่งคนอื่นๆในทีมก็คงดื่มด่ำความสำเร็จอยู่ ก็เป็นเขาที่ไม่ได้ยินดียินร้ายนักแต่ได้มองไปถึงเกมต่อไปที่ต้องเจอโกรนิงเก้นในลีกมาคิดถึงว่าควรใช้แผนการเล่นไหน

รู้จัก


     

    อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาเดินทางมาถึงจุดนี้?

     

    อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนของ(ว่าที่)กุนซือคนต่อไปของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด?

     

    “ความสำเร็จนั้นมันมาจากวันที่เรายกเท้าขึ้นไปเพื่อกระโดดไปอยู่บนหลังม้า…”เทน ฮากยึดถือคตินี้ไว้ในใจเสมอ

        

                                        “ไก่ป่า”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร

Add friend ที่ @Siamsport

เพิ่มเพื่อน