ไม่ดิ้นไม่ได้ – ไทยรัฐ

มติของ ศบค.ที่ออกมาล่าสุด ในส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับการเล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬานั้น ในส่วนของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมี 29 จังหวัดนั้น ยังคงปิดไม่ให้ดำเนินการอะไร

ถัดมาพื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด ให้เปิดบริการได้ทุกประเภท ไม่เกิน 21.00 น. จัดการแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด เปิดให้บริการได้ตามเวลาปกติ ทุกประเภทจัดแข่งขันได้ โดยจำกัดผู้ชม แต่ทุกกิจกรรมต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามที่ราชการกำหนด อย่างเคร่งครัด

นี่เป็นกรอบใหญ่ที่ออกมา และมีผลไปจนถึง 31 ส.ค. ส่วนจะต่อออกไปหรือไม่ อย่างไร ไปว่ากันตอนนั้น!

อย่างไรก็ตาม กรอบที่ออกมาก็ยังต้องได้รับความเห็นชอบแยกย่อยลงไปในแต่ละจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุม โรคติดต่อจังหวัดนั้นๆ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน

เป็นที่ทราบกันดีว่า กีฬาหยุดชะงักมานาน ทั้งในส่วนของการเล่นกีฬา และการแข่งขันกีฬาได้รับผลกระทบไปทั่วเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะกีฬาอาชีพนั้นหนักกว่าเพื่อน ด้วยชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น “อาชีพ” นั่นหมายถึงการนำมาซึ่งรายได้เพื่อเลี้ยงดูชีวิต และครอบครัว ทั้งยังเกี่ยวพันกับบุคลากรอีกเป็นจำนวนมาก หลากหลายบทบาทหน้าที่กันไป

อีกทั้งกีฬาอาชีพก็ต้องมีการแข่งขันตามวงรอบ จะเป็นลีกหรือกระจายสนาม เก็บแต้ม ชิงเงินรางวัล สร้างรายได้ในรูปแบบต่างๆก็ว่ากันไป ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามแต่ชนิดกีฬานั้นๆ

นั่นทำให้เริ่มมีการขยับของคนกีฬาอาชีพ หรือจะเรียกคนอาชีพกีฬาก็ไม่ผิด ทยอยกันออกมามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของกีฬากอล์ฟ ฟุตบอล หรือมวย

ที่ดูจะจุดพลุ จุดประกายขึ้นมา โดดเด่น พุ่งพรวดขึ้นมา ก็เมื่อมีข่าว สโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด แพร่ออกมา ระบุถึงคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.บุรีรัมย์ ประกาศผ่อนคลายให้สามารถจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลแบบมีผู้ชมได้ ทำให้ฟุตบอล “ไทยลีก” ที่กำลังจะเปิดสนามในวันที่ 3 ก.ย.นี้ สามารถเปิดให้แฟนบอลเข้าชมได้ 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม

แน่นอนก็ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นออกมาประกอบ ทั้งเรื่องวัคซีน และข้อปฏิบัติที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด

แต่นั่นก็ถือเป็นพัฒนาการ เป็นการรุกคืบที่ไม่เพียงต้องการแค่ “แข่ง” ขยับก้าวไปอีกขั้น ทางฝ่ายสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หรือบริษัทไทยลีกเอง

ก็ไม่ได้มีการขัดข้องอะไร ไฟเขียวให้สโมสรดำเนินเองได้ ภายใต้การอนุญาตของคณะกรรมการป้องกันโรคติดต่อของจังหวัด

ซึ่งสโมสรบุรีรัมย์เองนั้นมีศักยภาพในการดำเนินการเรื่องต่างๆให้เป็นไปอย่างราบรื่นได้อยู่แล้ว

ล่าสุด ก็มีทางสโมสรหนองบัว พิชญ เอฟซี ทีมน้องใหม่ในไทยลีก ก็เตรียมจะเดินตามรอยของ “ยักษ์ใหญ่” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่วนจะได้ไม่ได้ ผลออกมาเหมือนกันหรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไป

เชื่อว่าจะมีการขยับกันมากขึ้นและกว้างขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องดี อย่าเป็นเพียงแค่ “ผู้รอ”

ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ดิ้นภายใต้กรอบ ของส่วนรวม ไม่มีใครว่า

จงอย่าดิ้นด้วยอภิสิทธิ์และพลังแห่งอำนาจที่เกินปกติเท่านั้นแหละสังคมยุคนี้ไม่ปล่อยผ่านแน่นอน…

“เบี้ยหงาย”