ไลบีเรียเป็นประเทศเล็กๆ ตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ติดกับประเทศเซียร์ราลีโอนทางด้านทิศตะวันตก ประเทศกินีทางด้านทิศเหนือ และประเทศโกตดิวัวร์ทางด้านทิศตะวันออก มีประชากรอยู่ประมาณ 5,358,483 คน และมีพื้นที่ประมาณ 111,369 ตร.กม. ปัจจุบันมีการปกครองโดยใช้ระบอบประชาธิปไตย
ไลบีเรียมีประวัติศาสตร์ที่แปลกประหลาดไม่เหมือนประเทศใดในโลก โดยประวัติศาสตร์ไลบีเรียเริ่มขึ้นเกือบ 200 ปีที่แล้วเป็นประเทศที่ถูกตั้งให้เป็นถิ่นฐานที่อยู่ของบรรดาทาสผิวดำที่ถูกปลดปล่อยจากสหรัฐอเมริกาและต้องการกลับมาที่ทวีปแอฟริกาอันเป็นภูมิลำเนาเดิมที่ถูกจับไปขายให้เป็นทาสนั่นเอง
ไลบีเรียมาจากคำว่า “เสรีภาพ” หรือ Liberal นั่นเอง โดยประเทศไลบีเรียได้ลอกเลียนแบบธงชาติมาจากสหรัฐอเมริกา โดยธงชาติของไลบีเรียต่างกับธงชาติอเมริกาตรงจำนวนดาวที่มีเพียงดวงเดียว เมืองหลวงของไลบีเรียชื่อ “มอนโรเวีย” เพื่อเป็นเกียรติแก่ นายเจมส์ มอนโร ประธานาธิบดีคนที่ 5 ของสหรัฐอเมริกา ผู้สนับสนุนการตั้งถิ่นฐานในไลบีเรีย หลายเมืองในไลบีเรียตั้งชื่อตามกับมลรัฐสำคัญในอเมริกาส่วนใหญ่เป็นรัฐมีทาสทั้งนั้น เช่น มลรัฐเวอร์จิเนียและแมริแลนด์เป็นต้น
ประวัติศาสตร์ยุคแรก ไลบีเรียเป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่ก่อตั้งโดยอดีตทาสคนผิวดำจากประเทศสหรัฐอเมริกา การอพยพของชาวแอฟริกัน–อเมริกันทั้งที่เป็นอิสระและเพิ่งได้รับอิสรภาพแต่มีอัตราการเสียชีวิตของผู้ตั้งถิ่นฐานเหล่านี้สูงมากคือ จากจำนวนผู้อพยพ 4,571 คนที่มาถึงไลบีเรียระหว่าง พ.ศ.2363-2386 มีเพียง 1,819 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต ไลบีเรียประกาศเอกราชเมื่อ พ.ศ.2390 โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้คุ้มครองจากการรุกรานยึดครองเป็นอาณานิคมของจักรวรรดินิยมตะวันตกอื่นๆ มานับร้อยกว่าปี
ในช่วงร้อยกว่าปีนี้บรรดาลูกหลานของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวแอฟริกัน–อเมริกันดั้งเดิมซึ่งรู้จักกันในนาม Americo-Liberians (ชาวอเมริกา–ไลบีเรีย) อันเป็นประชากรส่วนน้อยเป็นฝ่ายกุมอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจเนื่องจากมีการศึกษาที่ดีกว่าและได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและกดขี่บรรดาชาวพื้นเมืองไลบีเรียส่วนใหญ่ จนกระทั่ง พ.ศ.2523 จึงมีการโค่นล้มระบอบการปกครองของชาวอเมริกา–ไลบีเรียอย่างรุนแรงในปีนั้นและปกครองแบบเผด็จการทหารจึงนำไปสู่สงครามกลางเมืองสองครั้งที่ทำลายล้างประเทศครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ.2532-2540 และครั้งที่สองตั้งแต่ พ.ศ.2542-2546
หลังจากประชาชนล้มตายนับแสนคน บ้านเมืองพินาศฉิบหายเป็นส่วนใหญ่ ผู้เผด็จการต้องหนีออกนอกประเทศทางองค์การสหประชาชาติเข้ามาช่วยฟื้นฟูประเทศและจัดการการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยขึ้นใน พ.ศ.2548 ซึ่งนับว่าโชคดีที่ นางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ (Ellen Johnson Sirleaf) นักเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันทางการเงินชั้นนำหลายแห่งของโลกรวมทั้งธนาคารโลกด้วยได้รับเลือกตั้งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศไลบีเรียและคนแรกของทวีปแอฟริกาที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งประธานาธิบดีเซอร์ลีฟกลายเป็นสัญลักษณ์ความเป็นแม่ในประเทศไลบีเรีย ที่กำลังหวังว่าผู้หญิงเท่านั้นจะเป็นผู้มาช่วยเยียวยารักษาบาดแผลความรวดร้าวที่เกิดจากสงครามและการปกครองแบบเผด็จการที่ถูกยัดเยียดเข้าสู่บ้านเกิดของพวกตน ซึ่งประธานาธิบดีเซอร์ลีฟได้รับเลือกตั้งถึง 2 สมัย รวมเวลา 12 ปี เธอได้ฟื้นฟูประเทศไลบีเรียจนกลับมายืนบนขาของตนเองได้สำเร็จอย่างสง่างาม
ใน พ.ศ.2561 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของไลบีเรียก็เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดอีกครั้งที่อดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวไลบีเรียชื่อ นายจอร์จ เวอาห์ (George Weah) ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 25 ของประเทศไลบีเรียจนกระทั่งทุกวันนี้
ประธานาธิบดีจอร์จ เวอาห์ เกิดวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2509 เติบโตในชุมชนชนเผ่าครูที่ได้ชื่อว่ายากจนที่สุดในไลบีเรีย ระหว่างช่วงเริ่มต้นเตะฟุตบอลอาชีพในประเทศ ก็ต้องทำงานเป็นช่างเทคนิคของบริษัทโทรคมนาคมไลบีเรียไปด้วย เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวโดยเริ่มเล่นในระดับอาชีพตั้งแต่อายุ 18 ปี จนกระทั่งเลิกเล่นใน พ.ศ.2546 จอร์จ เวอาห์เป็นนักฟุตบอลชาวแอฟริกันคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นประมุขของรัฐ
หลังจากที่เล่นฟุตบอลอาชีพในประเทศบ้านเกิดไลบีเรียแล้ว จอร์จ เวอาห์ได้เล่นให้กับหลายสโมสรในฝรั่งเศส อิตาลี และอังกฤษเป็นระยะเวลาถึง 14 ปี โดยเขาได้เริ่มที่ประเทศโมนาโกแล้วย้ายไปปารีส แซงต์แชร์แมง โดยจอร์จ เวอาห์เป็นผู้ทำประตูสูงสุดในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 1994-95 ต่อมาเขาไปเล่นให้เอซี มิลานถึงสี่ฤดูกาล โดยเขาพามิลานชนะเลิศเซเรียอาได้ถึงสองสมัยต่อมาเขาได้ย้ายไปพรีเมียร์ลีก โดยได้เล่นให้กับทีมเชลซี ซึ่งพาทีมชนะเลิศเอฟเอคัพ และยังได้เล่นให้กับแมนเชสเตอร์ซิตี เขากลับเป็นฝรั่งเศสอีกครั้งเพื่อเล่นให้กับมาร์แซย์ใน พ.ศ.2544 เขายุติอาชีพนักฟุตบอลกับทีมอัลจาซีราสปอร์ตแอนด์คัลเจอร์คลับ เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพจากอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อ พ.ศ.2546
จอร์จ เวอาห์ เข้าสู่วงการการเมืองหลังจากที่เขาเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ เขาสมัครเข้ารับเลือกตั้งชิมลางหลายครั้งแต่ในครั้งที่เขาลงสมัครเป็นประธานาธิบดี ใน พ.ศ.2548 แต่ก็พ่ายแพ้ต่อนางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ เนื่องจากถูกโจมตีว่าเรียนไม่จบชั้นมัธยมจึงไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้นำได้ ทำให้เขาต้องไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาจนจบปริญญาเพื่อกลับมาสู้ต่อ แต่คราวนี้เขาเลือกสมัครเป็นรองประธานาธิบดีร่วมกับ นายวินสตัน ทับแมน ในการเลือกตั้ง พ.ศ.2554 แต่ก็แพ้ให้กับนางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟอีกครั้ง ต่อมาจอร์จ เวอาห์จึงได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากเทศมณฑลมอนต์เซอร์ราโดในการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 และจอร์จ เวอาห์ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีไลบีเรียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีใน พ.ศ.2560 ด้วยเอาชนะอดีตรองประธานาธิบดีโจเซฟ โบไค และเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2561
ครับ! ที่นำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังก็เนื่องจากขณะนี้มีการแข่งขันฟุตบอลโลกอยู่ที่ประเทศกาตาร์พอดี บรรยากาศการดูฟุตบอลคึกคัก จึงเอาเรื่องนักฟุตบอลอาชีพผู้ยากจนมาแต่เกิดได้ไต่เต้าขึ้นมาจนได้เป็นประมุขของประเทศหนึ่งในโลกนี้จึงเข้ากับบรรยากาศคลั่งฟุตบอลโลกในขณะนี้ได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ 3 รมต.ใหม่ ‘ธนกร’ ผงาดรมต.สำนักนายกฯ ส่วน ‘นริศ’ เป็นมท.3 ตามโผ
- ด่วน! มติศาลรธน. ไฟเขียวสูตร หาร 100 ชี้ชัดกม.เลือกตั้ง ตราขึ้นถูกต้อง ไม่ขัดรธน.
- “ครม.” ไฟเขียว ตั้ง “นิศากร” ภรรยา “วิศิษฏ์” นั่งผู้ว่าหญิงคนแรกของพัทลุง หลังกู้เกียรติลาออก
- ปริญญา เสียใจ ‘วิศวกรตงฉิน’ จบชีวิต ‘ราชการ’ มีปัญหาเพียบ จี้เลิกเรียกรับเงินผู้รับเหมา