อาร์แซน เวนเกอร์ นำเสนอแผนงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนให้ ฟุตบอลโลก มาเตะกัน 1 ครั้งในทุกๆ 2 ปีอย่างเป็นทางการ พร้อมยืนยันว่าในแผนงานของตนนั้นเกมระดับสโมสรจะยังมีความสำคัญอย่างมากอยู่
อาร์แซน เวนเกอร์ ตำนานผู้จัดการทีมของ อาร์เซน่อล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เสนอแผนงานการเปลี่ยนรูปแบบของศึก ฟุตบอลโลก ให้เป็นแข่งกันทุกๆ 2 ปีอย่างเป็นทางการ
เวนเกอร์ เสนอแนวความคิดเกี่ยวกับการให้ ฟุตบอลโลก เปลี่ยนจากหนละ 4 ปี มาเป็น 2 ปีต่อครั้งมานานแล้ว ซึ่งมันก็โดนบางฝ่ายคัดค้านหนักพอตัว โดยเฉพาะฝั่งของทวีปยุโรป แต่อดีตยอดกุนซือของ “ไอ้ปืนใหญ่” ก็ไม่ล้มเลิกความคิดของตัวเองง่ายๆ โดยเขาเอาอดีตยอดนักเตะหลายคนมาเป็นทีมงานเผื่อช่วยผลักดันแผนนี้ให้เป็นจริงด้วย อย่างเช่น โรนัลโด้, ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, ไมเคิ่ล โอเว่น และ จอห์น เทอร์รี่ เป็นต้น
เวนเกอร์ เผยว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนแล้วในตอนนี้ก็คือตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไปนั้นเราจะมีถึง 48 ทีมที่ได้ลงเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย โดยที่โควตาของทีมจากทวีปแอฟริกาจะเพิ่มจาก 5 ทีมเป็น 9 ทีม แต่การเล่น ฟุตบอลโลก ที่ถี่ขึ้นจะทำให้ประเทศต่างๆ มีโอกาสได้เข้าร่วมทัวร์นาเมนท์ระดับนี้มากขึ้นตามไปด้วย นักเตะชื่อดังต่างก็อยากจะลงเล่นเกมใหญ่ๆ กันทั้งนั้น นักเตะทุกคนต่างก็มีความฝันที่จะได้เล่นในรายการชั้นยอด นอกจากนี้ ผมก็ขอย้ำว่าการต้องเดินทางบ่อยๆ ในปฏิทินการแข่งขันรุปแบบในปัจจุบันน่ะถือเป็นภัย (ต่อนักเตะ) มากกว่าเรื่องจำนวนเกมที่ต้องลงเล่นซะอีก”
“เราตัดสินใจที่จะเปลี่ยนปฏิทินการแข่งขันของเกมฟุตบอลระดับทีมชาติ เมื่อมีการลงมติในประเด็นนั้นเสร็จสิ้นแล้วนั้นเราจะกลับมาพิจารณารายการชิงแชมป์สโมสรโลกกันต่อ และดูว่ามันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เราอยากมอบความชัดเจนและความเรียบง่ายให้กับแฟนๆ ผมได้รับการชี้นำให้ทำแบบนั้นด้วยการสร้างโปรแกรมการแข่งขันที่จะทำให้ฟุตบอลมันดีขึ้น”
สำหรับข้อเสนอของ เวนเกอร์ นอกจากจะเสนอให้มีการเปลี่ยนรูปแบบของ ฟุตบอลโลก มาแข่งกันทุกๆ 2 ปีแล้วนั้น เขาก็ยืนยันด้วยว่ามันจะยังให้ความสำคัญกับเกมระดับสโมสรเป็นหลักอยู่เหมือนเดิม โดยจะแบ่งเป็นการให้ความสำคัญกับเกมระดับสโมสร 80 เปอร์เซ็นต์ และเกมระดับทีมชาติ 20 เปอร์เซ็นต์
สรุปแผนงานของ เวนเกอร์
– เปลี่ยนให้ฟุตบอลโลกแข่งกันทุกๆ 2 ปี เพื่อที่จะได้มีเกมการแข่งขันที่มีคุณภาพดีขึ้นบ่อยกว่าเดิม
– ปฏิทินการแข่งขันทั่วโลกจะมีการเปลี่ยนให้ช่วงพักเบรกทีมชาติมีเพียง 1 ครั้งต่อฤดูกาล หรือก็คือจะแข่งรอบคัดเลือกให้จบแบบทีเดียวไปเลย โดยจะเตะกันในช่วงเดือนตุลาคม แล้วจากนั้นก็เตะรอบสุดท้ายกันในช่วงเดือนมิถุนายน
– การทำอย่างนั้นจะส่งผลให้นักเตะได้เล่นเกมที่มีความหมายมากกว่าเดิม โดยที่ในขณะเดียวกันจำนวนนัดที่ต้องลงเล่นก็จะน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งนั่นจะส่งผลให้การเดินทางน้อยลงเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น จากเดิมที่ อังกฤษ เตะกันปีละ 44 เกม ระหว่างปี 2014-2018 ก็จะลดเหลือ 43 เกม และ อาร์เจนตินา จะมีเกมให้ลงเล่นต่อ 1 ปีน้อยลง 4 นัด เป็นต้น
– การแข่งขันระดับสโมสรจะยังมีความสำคัญเหมือนเดิม โดยจะแบ่งเป็นสโมสร 80 เปอร์เซ็นต์ และทีมชาติ 20 เปอร์เซ็นต์
– มีทัวร์นาเมนท์ระดับทีมชาติรายการใหญ่ๆ ในทุกๆ ซัมเมอร์ ยกตัวอย่างเช่น การแข่ง ฟุตบอลโลก ในปี 2028 ต่อด้วยรายการระดับทวีปอย่าง ยูโร, โกปา อเมริกา ฯลฯ ในปี 2029 เป็นต้น
Add friend ที่ @Siamsport