ผมรอแชมป์นี้มาทั้งชีวิต !! ฉากจบของ “ลีโอเนล เมสซี่” ในบอลโลกครั้งสุดท้าย จบลงด้วยความสมหวังของทีมชาติอาร์เจนติน่าและแฟน ๆ ชาวอาร์เจนไตน์ อาจจะรวมถึงแฟนคลับของเมสซี่ทั่วโลกที่หวังว่าลีโอจะคว้าแชมป์เมเจอร์รายการสุดท้ายที่ขาดอยู่ ไปเก็บสะสมในคอลเล็คชั่นได้สักครั้งก่อนแขวนสตั๊ด
แต่เส้นทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมสซี่เคยพลาดการคว้าแชมป์โลกมาแล้วในปี 2014 ที่แพ้นัดในชิงให้กับเยอรมันช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งที่ตัวเขาได้เป็น MVP ประจำทัวร์นาเมนท์นั้น
ความเจ็บปวดยังต่อเนื่องมาถึงปี 2015 และ 2016 ในการแข่งขันโคปา อเมริกา เมื่อพวกเขาแพ้ให้กับชิลีในนัดชิง 2 ปีติด ๆ โดยเขาเองเป็นคนที่ยิงจุดโทษพลาดด้วยในนัดชิงปี 2016 เมสซี่นั้นเจ็บปวดอย่างมากที่ไม่สามารถพาทีมไปถึงแชมป์ได้
“กาตาร์” ไอเดียเก๋ ทำห้อง “เมสซี่” เป็นพิพิธภัณฑ์
อัล-นาสเซอร์ เปิดทางโรนัลโด้ เป็นกุนซือหลังเลิก
จึงตัดสินใจประกาศอำลาทีมชาติด้วยวัย 29 ปี นั่นหมายความเขาจะไม่มีถ้วยรางวัลในนามทีมชาติในเกียรติประวัติ และอาจต้องตกอยู่ใต้ร่มเงาของฮีโร่ตลอดกาลของอาร์เจนติน่า อย่างมาราโดน่าตลอดไป
แต่สุดท้ายเมสซี่ก็ตัดสินใจกลับมาเล่นให้ทีมชาติอีกครั้งในทัวร์มาเมนท์บอลโลก 2018 แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่มันก็คือสัญญาณที่บอกว่าเขาจะไม่ยอมแพ้อีกต่อไปจนกว่าจะคว้าแชมป์ได้
และแล้วแชมป์แรกในนามทีมชาติก็มาถึงเมื่ออาร์เจนติน่าเอาชนะบราซิลได้ในรอบชิงชนะเลิศ โคปา อเมริกาเมื่อปี 2021 เมสซี่ถึงกับหลั่งน้ำตาให้กับถ้วยที่เขาต้องการมาโดยตลอด
ก่อนที่จะเดินหน้าต่อในบอลโลกหนนี้ แม้จะเริ่มต้นด้วยการแพ้ในนัดแรกให้กับซาอุดีอาระเบีย แต่หลังจากนั้นฟ้าขาวก็รวมใจกันเล่นเพื่อเมสซี่ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้ครอบครองถ้วยใบนี้ จนสามารถทะลุไปถึงรอบชิง
ในนัดชิงกับฝรั่งเศส อาร์เจนขึ้นนำไปก่อน 2-0 แฟนบอลทั่วโลกคิดว่าเกมนี้คงจบลงง่าย ๆ แบบกร่อย ๆ แต่เอ็มบัปเป้ก็จัดให้ 2 ประตูให้ฝรั่งเศสตีเสมอเป็น 2-2 ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที ก่อนที่เมสซี่จะมายิงประตูขึ้นนำ 3-2 ให้กับฟ้าขาว คิดว่าเกมจะจบแต่ไม่จบ เอ็มบัปเป้มายิงจุดโทษลูกที่สองในเกมให้ตราไก่ตีเสมอ สุดท้ายไปยิงจุดโทษตัดสิน แล้วก็เป็นอาร์เจนติน่าที่แม่นกว่าชนะไป คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ไปครอง หลังจากรอมานานกว่า 36 ปี
แม้ลีโอจะยังไม่ประกาศอำลาทีมชาติอย่างเป็นทางการ เพราะให้เหตุผลว่าต้องการลงเล่นในนามทีมชาติในฐานะแชมป์โลกก่อน แต่ก็คงไม่อยู่ลากยาวไปจนถึงบอลโลกครั้งหน้าในวัย 39 ปีอย่างแน่นอน
คอนเทนต์แนะนำ
นี่คงเป็นบทสรุปที่สวยงามที่สุดแล้วสำหรับเมสซี่ ที่ได้เติมเต็มความฝันสูงสุดของเขา เพราะเมื่อปีโลกปี 2018 เขาเคยกล่าวไว้ว่า “ผมยอมแลกแชมป์ที่ได้กับบาร์ซ่า เพื่อจะเป็นแชมป์กับทีมชาติ” และในที่สุดเขาก็ทำมันสำเร็จ โดยไม่ต้องแลกด้วยถ้วยแชมป์ แต่แลกมาด้วยการไม่ยอมแพ้ และสู้จนหยดสุดท้าย
ส่วนฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของคริสเตียโน่ โรนัลโด้นั้นต้องบอกว่าจบแบบไม่สวย ไม่เหมือนที่แฟนบอลหลายคนวาดฝันไว้ ว่าอยากให้โด้ได้แชมป์โลกสักครั้งก่อนจะแขวนสตั๊ด เพราะนี่คงเป็นบอลโลกครั้งสุดท้ายของเจ้าตัว ด้วยวัย 37 ปีคงฝืนสังขารเล่นบอลโลกครั้งหน้าไม่ไหวแน่
โปรตุเกสผ่านรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มแบบสบาย ๆ ด้วยชัยชนะ 2 นัดแรก แม้จะแพ้นัดส่งท้ายให้เกาหลีใต้ แต่ไม่มีผลอะไรแล้ว ซึ่งโรนัลโด้ทำได้ 1 ประตูในเกมแรกที่เจอกับกาน่า และทั้งสามเกมในรอบนี้เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกนัด
ก่อนที่จะโดนปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนเล็กน้อย ทำให้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเขาได้เป็นแค่ตัวสำรอง แต่บางแหล่งก็เชื่อว่าที่เขาต้องนั่งใส่สนับก้นอยู่ที่ข้างสนามเป็นเพราะฟอร์มการเล่นที่ไม่เข้าตา “แฟร์นานโด ซานโตส” กุนซือทีมชาติโปรตุเกส และถูกแฟนบอลในโซเชียลถาโถมให้จับกัปตันทีมรายนี้นั่งสำรองซะ
และด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของ กอนซาโล่ รามอส ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ซัดแฮตทริคใส่สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้โด้ตกเป็นตัวสำรองอีกครั้งในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในการเจอกับโมร็อคโค และนี่คือนัดสุดท้ายที่เขาได้ลงสนามในเกมฟุตบอลโลก เพราะโปรตุเกสแพ้ไป 0-1 ให้กับทีมม้ามืดในบอลโลกครั้งนี้ ตกรอบไปแบบพลิกล็อค
หลังจบเกมโรนัลโด้เดินดิ่งเข้าอุโมงค์ห้องแต่งตัวไป แต่ก็กลั้นความเสียใจไว้ไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาระหว่างทางเดิน เพราะเขารู้ว่านี่คือโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะได้ถ้วยบอลโลกมาประดับตู้โชว์ ก่อนที่ภายหลังเจ้าตัวจะออกมาแถลงภายหลังว่าการคว้าแชมป์โลกกับทีมชาติคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด แต่ความฝันมันจบลงแล้ว
แน่นอนว่าเราคงไม่ได้เห็นโรนัลโด้ในเวทีฟุตบอลโลกอีกแล้ว แต่ในยูโร 2026 อีก 2 ปีข้างหน้า อาจจะได้ลุ้นเห็นโรนัลโด้ในวัย 39 ปี ติดทีมไปลุ้นแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ก็เป็นไปได้ เพราะเขายังไม่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติอย่างเป็นทางการ
คอนเทนต์แนะนำ