ลบอาถรรพณ์แชมป์เก่า

ตอนแรกผู้เขียนก็หวั่นใจว่าทัพ “เลอ เบลอส์” จะไม่มาตามนัดเพราะฟอร์มการเล่นของ “สิงโตแอตลาส” โมร็อกโก ในรอบที่ผ่านมาแข็งแกร่งจริงๆ การปราบทั้งสเปนและโปรตุเกสนั้นไม่ธรรมดา

แต่สุดท้ายก็ไม่มีพลิกโผ จริงๆแล้วเกมนี้ต้องบอกว่า โมร็อกโกเล่นได้ดีจริงๆ สู้กับฝรั่งเศสได้อย่างไม่เป็นรอง แต่จังหวะทีเด็ดทีขาดนั้น “ตราไก่” เด็ดขาดกว่า แถมเมื่อได้โอกาสจากการทำผิดพลาดของคู่ต่อสู้ก็ปิดเกมได้ทันทีจนกำความได้เปรียบเอาไว้ก่อนและสุดท้ายก็เข้าวินในที่สุด

การผ่านเข้าชิงของฝรั่งเศส นี่ถือว่าเป็นการลบอาถรรพณ์ของแชมป์เก่าในศึกฟุตบอลโลกในช่วงหลังๆที่ผ่านมาที่แชมป์เก่ามักจะโชว์ฟอร์มได้ห่วยและร่วงตกรอบแรกกันไปหมด

ไม่ว่าจะเป็นในปี 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้แชมป์เก่าในปี 2006 อย่าง “อัซซูรี” อิตาลี ที่ขุมกำลังเพียบพร้อมกลับพลิกล็อกตกรอบแรก

ตามด้วย “กระทิงดุ” สเปน แชมป์โลกปี 2010 ที่ขุมกำลังแทบจะไม่แตกต่างจากเดิมที่คว้าแชมป์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว กลับมาตกรอบแรกในปี 2014 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ

และครั้งล่าสุดใน “เวิลด์ คัพ ปี 2018” ที่ประเทศ รัสเซียเป็นเจ้าภาพ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี แชมป์โลกในปี 2014 ก็ร่วงตกรอบแรกไปเช่นกัน

เมื่อเห็นสถิติแชมป์เก่าจาก 3 ครั้งที่ผ่านมา ตอนแรกก็หวั่นใจเช่นกันว่า ฝรั่งเศสจะเดินตามรอยบรรดาแชมป์โลก 3 ครั้งล่าสุด

แต่สุดท้าย “ตราไก่” ก็ลบอาถรรพณ์ได้สำเร็จ นอกจากจะไม่ตกรอบแรกแล้วแข้งเมืองน้ำหอมยังสามารถทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้อีกด้วย

เมื่อเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแข้ง “เลอ เบลอส์” ก็ต้องหวังเดินหน้าทุบอีกสถิติที่ยาวนานมากว่า 60 ปีนั่นก็คือแชมป์เก่าป้องกันแชมป์เอาไว้ได้

ครั้งล่าสุดที่แชมป์เก่าสามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ต้องย้อนกลับไปถึงในปี 1962 ที่ประเทศชิลี เป็นเจ้าภาพ โดยในครั้งนั้น “แซมบ้า” บราซิล แชมป์โลกในปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน ก่อนจะมาป้องกันแชมป์ได้ใน 4 ปีถัดมา

และนับตั้งแต่แข้งเซเลเซาทำได้ก็ยังไม่มีใครทำได้อีกเลยแม้กระทั่งแข้งแซมบ้า ในยุคที่โกลเดนเจเนอเรชัน โรนัลโด, ริวัลโด, คาร์ลอส ดุงกา, เบเบโต, คาฟู และโรแบร์โต คาร์ลอส ก็ยังป้องกันแชมป์ไม่ได้

คราวนี้ก็ต้องมาลุ้นทีมชาติฝรั่งเศสจะลบสถิติที่ยาวนานถึง 60 ปีได้หรือไม่วันที่ 18 ธ.ค.นี้ได้รู้กัน!!

มะระหวาน