เริ่มใหม่ได้

โดยอาสาเข้ามาทำทีม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมาชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล

ด้วยเห็นโอกาสของฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งเอเชียได้โควตาเพิ่มเป็น 8 ทีมครึ่ง มากสุดเป็นประวัติการณ์ และยังเชื่อมั่นกับประสิทธิภาพของนักเตะไทยในยุคนี้ บวกกับประสบการณ์ด้านลูกหนังส่วนตัวที่สั่งสมมาในหลายมิติ

แถมยกปัญหามาจากการจัดการของผู้บริหาร ที่นโยบายไม่ชัดเจน นายกสมาคมตั้งใจแต่คนรอบข้างไม่มีความรู้ด้านฟุตบอลมากพอ จึงไม่มีประสิทธิภาพ และให้สัญญาว่าถ้าทำไม่ได้ก็ไป

ใครจะเห็นด้วย เห็นต่างหรืออย่างไร ก็ว่ากันตามสบาย แต่การออกมาพูดนี้ถือว่ามีประเด็น

เช่นกัน สังคมคนฟุตบอลคงรับรู้ถึงการออกมาพูดชัดๆถึงความล้มเหลวของทีมชาติไทย โดยเฉพาะหลังสุดกับทัวร์นาเมนต์ “คิงส์คัพ” ของ “บิ๊กเน” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เนวิน ชิดชอบ

โดย “ครูใหญ่” ท่านนี้ พูดไว้ชัดเจนมาก บอกโทษนักฟุตบอลไม่ได้ โทษสมาคมกีฬาฟุตบอลไม่ได้ ต้องโทษโค้ช โดยเปรียบโค้ชเหมือนเชฟ มีหน้าที่เลือกเอาอะไรมาปรุง ต้องรู้ตั้งแต่ไปจ่ายตลาดแล้วว่าจะเลือกอะไร ทั่วโลกก็เป็นแบบนี้ โค้ชต้องรับผิดชอบผลงานโดยอัตโนมัติ

แม้พูดไม่ได้ว่าปกป้องสมาคม แต่สมาคมก็ได้ประโยชน์จากคอมเมนต์นี้ไปเต็มๆแน่นอน

เช่นกัน ใครเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ก็ว่ากันไป แต่ก็มีประเด็นอีกนั่นแหละ

นั่นคือต่างก็อยากเห็นการ “เปลี่ยนแปลง” และ “แก้ไข” เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า!!!

แต่ไม่ว่าคอมเมนต์ของใคร และไม่ใช่เฉพาะสองท่านนี้ รวมถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาที่อื้ออึงไปหมด ตามวาระต่างๆ

กลับมีแต่ความ “เงียบ” เงียบ และวางเฉยจากผู้นำสูงสุดของสมาคมกีฬาฟุตบอล

ประเด็นของ “โอกาส” ที่จะไปฟุตบอลโลก อันเนื่องมาจาก “จำนวน” ทีมที่เพิ่มขึ้น เป็นข้อเท็จจริงที่มีผลอย่างยิ่ง เป็นโอกาสที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น “ครั้งแรก”

วันนี้การเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นเทอมที่ 2 เกือบจะครึ่งทางการทำหน้าที่ต่อไปเป็นสิทธิอันชอบทำ และไม่มีใครมาไล่ท่านไปได้ แต่การดำรงอยู่ในช่วงเวลาที่เหลือ ท่านสามารถขยับ ปรับเปลี่ยนอะไรได้มากมาย

เพื่อนำไปสู่การ “เปลี่ยนแปลง” และ “แก้ไข”

ไม่เท่านั้น ท่านยังสามารถเป็นนายกได้ต่อไปในเทอม 3 ตามระเบียบใหม่ที่ได้รับการแก้ไขตามแนวทางของ “ฟีฟ่า” ที่กำหนดให้สามารถดำรงตำแหน่งได้ 3 วาระ 12 ปี ไม่สามารถเป็นต่อได้อีก โดยในวันเลือกตั้งผู้ลงสมัครต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี ซึ่ง “บิ๊กอ๊อด” ครบวาระอายุก็ไม่ถึง 70 อยู่แล้ว

วงรอบฟุตบอลโลกอีก 4 ปี แต่จะเริ่มคัดกันรอบแรกๆปลายปีหน้า เวลานี้จึงเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะเริ่มกระบวนการทำทีมอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาให้ผ่านไป เริ่มใหม่ได้

ขอเพียงท่านตระหนัก ลดละทิฐิ ทำลายกำแพงอะไรก็ตามที่ปิดกั้นอยู่ เคลียร์ทางแสวงหาความร่วมมือด้วยความเป็นมิตร

เพื่อเป้าหมายฟุตบอลไทยอย่างที่ท่านอาสาเข้ามาทำเอง ศักยภาพ คอนเนกชัน มีอยู่แล้ว

แค่เริ่มต้น หยุดการนิ่งเฉย ไปสู่ความ “เปลี่ยนแปลง” และ “แก้ไข” เชื่อว่าแฟนบอลจะร่วมเดินไปด้วยกัน

ไม่สายที่จะเริ่มทำฟุตบอลจริงๆสักที แล้วท่านจะมีความสุขที่ได้เข้ามาเป็นครอบครัวฟุตบอลอย่างแท้จริง…

“เบี้ยหงาย”